ตรังเตรียมสร้างอนุสาวรีย์-หอเกียรติยศเชิดชู “พุฒ ล้อเหล็ก” สุดยอดนักมวยไทย

เผยแพร่:
  ปรับปรุง:
  



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – “จังหวัดตรัง” รำลึกยอดมวยไทย เตรียมสร้างอนุสาวรีย์-หอเกียรติยศ “พุฒ ล้อเหล็ก” ตั้งกองทุนพัฒนามวย จัดงานรำลึกทุกปีเพื่อระลึกถึงปูชนียบุคคลด้านกีฬาคนแรกของเมืองตรัง

จังหวัดตรัง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดประชุมคณะที่ปรึกษาและคณะทำงานสร้างอนุสาวรีย์ “พุฒ ล้อเหล็ก” หรือนายทวี พิพัฒน์กุล โดยมี นายภูวณัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับสร้างอนุสาวรีย์ “พุฒ ล้อเหล็ก” รวมทั้งจัดทำข้อมูล รางวัล ผลงานเผยแพร่ในหอเกียรติยศ ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงความสามารถด้านกีฬามวยไทยของ “พุฒ ล้อเหล็ก” และเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีที่ “พุฒ ล้อเหล็ก” ได้สร้างไว้ให้แผ่นดิน

นายณรงค์ โสภารัตน์ ผู้อำนวยสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จังหวัดตรังจะก่อสร้างอนุสาวรีย์ “พุฒ ล้อเหล็ก” ที่ด้านหน้าโรงยิม 1,000 ที่นั่ง สนามกีฬาเทศบาล 2 (ทุ่งแจ้ง) ซึ่งอนาคตบริเวณดังกล่าวจะเป็นสนามมวยมาตรฐาน จ.ตรัง โดยอนุสาวรีย์เป็นงานประติมากรรมมีขนาดความสูงเท่าตัวจริง ในอิริยาบถแสดงท่วงท่าชกมวย งบประมาณ 200,000 บาท นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อจัดทำข้อมูลแสดงในหอเกียรติยศอีก 100,000 บาท



นายณรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังเสนอให้จัดงาน “วันรำลึกยอดมวยไทย พุฒ ล้อเหล็ก เด็กเมืองตรัง” ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-4 มิ.ย.64 กิจกรรมต่างๆ ภายในงานประกอบด้วย (1) การแข่งขันมวยไทยศึกวันรำลึกยอดมวยไทย “พุฒ ล้อเหล็ก เด็กเมืองตรัง” โดยมีโปรโมเตอร์มืออาชีพ จัดประกบคู่นักมวยไทยที่มีชื่อเสียงมาชกกันในรายการนี้ จัดโดยคณะกรรมการกีฬามวย (2) การสัมมนา เรื่องมาตรฐานของกีฬามวยไทย โดยมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตตรัง (3) การแสดงศิลปะมวยไทย การอนุรักษ์มวยไทย โดยกรมพลศึกษา

นายณรงค์ กล่าวอีกว่า (4) กิจกรรมการออกกำลังกายด้วยลีลามวยไทย โดยผู้นำการออกกำลังกายจำนวนกว่า 1,000 คน จากชมรมออกกำลังกายทั้งจังหวัดตรัง โดยศูนย์ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดตรัง รับผิดชอบดูแล และ (5) พบกับยอดมวยไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในกิจกรรม “คลินิกมวยไทย” โดยรายได้จากการจัดงาน “วันรำลึกยอดมวยไทย พุฒ ล้อเหล็ก เด็กเมืองตรัง” จะนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนากีฬามวยไทยใน จ.ตรัง ต่อไป



นายกิตติพันธ์ พิพัฒกุล บุตรชายของ “พุฒ ล้อเหล็ก” เปิดเผยว่า ตนรวมทั้งพี่น้อง และคนในครอบครัวต่างดีใจ ภูมิใจ และตื่นตันที่มีคนเห็นถึงคุณค่าในตัวพ่อ ซึ่งได้ทำเกียรติประวัติให้แก่เมืองตรัง ได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลด้านกีฬาของเมืองตรัง และจะก่อสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่ท่าน ซึ่งหลังจากคุณพ่อเสีย ตนได้เก็บรวบรวบรางวัล ถ้วยรางวัลไว้ที่ตรังบางส่วน และอีกส่วนยังอยู่ที่โรงฝึกกีฬามวย อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี และหลังจากนี้ตนจะรับหน้าที่รวบรวมข้อมูล ถ้วยรางวัลต่างๆ ข้าวของที่เกี่ยวกับการชกมวยของพ่อทั้งหมด หรือให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาจัดแสดงในหอเกียรติยศต่อไป

“ปกติพ่อจะไม่เคยคุยให้ลูกฟังถึงเรื่องชีวิตนักชกเท่าไหร่ และมักจะพูดกับลูกเสมอว่า ไม่อยากให้ลูกต่อยมวย ต่อยไปก็ชนะใครไม่ได้ เพราะซ้อมไม่มากพอ ไม่หนักพอที่จะเป็นนักมวย ส่วนเรื่องที่คุณพ่อชอบเล่าให้ลูกฟังด้วยความภาคภูมิใจ และเล่าให้ลูกๆ ฟังบ่อยมาก คือการขึ้นเวทีชกกับนักชกชาวญี่ปุ่น ชื่อ “อิคาริ เคนชิว” ซึ่งเป็นการชกก่อนแขวนนวม การขึ้นสังเวียนในครั้งนั้นถือว่ากดดัน เพราะหากชกแพ้นักมวยญี่ปุ่น จะโดนตราหน้าว่าขายชาติ แต่สุดท้ายพ่อก็ท้าต่อยมวยกับ “อิคาริ เคนชิว” การขึ้นชกครั้งนั้นมีคนดูหนาแน่นเต็มสนามมวย และไม่กี่นาทีของยกแรก พ่อชนะน็อกคู่ต่อสู้ได้ด้วยการเตะก้านคอจนหลับคาเวที” นายกิตติพันธ์ กล่าว



ด้านนายพลชกร สิขราภรณ์ นักประติมากรรมอาวุโส อดีตอาจารย์วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เปิดเผยว่า หากได้ปั้นอนุสาวรีย์ขนาดประมาณ 1 เท่าครึ่ง จะสง่างาม ยิ่งใหญ่ สมกับชื่อของอาจารย์พุฒ ล้อเหล็ก เพราะถ้าปั้นเท่าขนาดจริงจะเล็กไป เมื่อนำไปวางไว้บนฐานอนุสาวรีย์ ส่วนสถานที่จัดสร้างถ้าเป็นที่ทุ่งแจ้ง ซึ่งเป็นสนามกีฬาอาจไม่เหมาะ แต่อยากให้เป็นที่เฉพาะ เช่น สวนสาธารณะ เพราะพื้นที่กว้างทำให้มีมุมมองในการชมที่ดีกว่า และไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นมาบดบังเหมือนสนามกีฬา

“โดยสากลทั่วโลกแล้ว ประติมากรรมบุคคลจะทำขนาด 1 เท่าครึ่งเท่านั้น ส่วนขนาดเท่าตัวจริงโดยมากจะอยู่ในห้อง หรือภายในอาคารมากกว่า แต่ถ้าอยู่ข้างนอกในพื้นที่ที่มีภูมิทัศน์ ขนาดเท่าจริงจะไม่มีพลัง พลังจะน้อย เช่น อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 หน้า อบจ.ตรัง ก็ขนาด 1 เท่าครึ่ง ชมระยะไกลก็สวย ระยะใกล้ก็สวย ส่วนวัสดุน่าจะหล่อโลหะ หรือไฟเบอร์ที่มีความทนทานอยู่ได้เป็น 100 ปี ซ่อมแซมง่าย แต่ทั้งหมดแล้วแต่คณะกรรมการจะพิจารณา” อดีตอาจารย์เพาะช่างสายประติมากรรม กล่าว



สำหรับ “พุฒ ล้อเหล็ก” มีชื่อว่า นายทวี พิพัฒน์กุล หรืออีกหนึ่งฉายา “ไอ้หนูเมืองตรัง” เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2495 ที่ ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง อยู่บ้านเลขที่ 76 หมู่ 2 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ในวัย 68 ปี เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียง เริ่มฝึกหัดมวยครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี และได้ตระเวนชกมวยในภาคใต้จนชนะติดต่อกัน 10 กว่าครั้ง และได้ชกมวยที่สนามมวยมาตรฐาน เวทีมวยลุมพินี ครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2512

“พุฒ ล้อเหล็ก” เป็นนักมวยที่มีหมัดหนัก สไตล์การชกบนเวทีพลิ้วไหว มีลีลาแม่ไม้มวยไทยที่งดงาม และโด่งดังในเรื่องมวยไทย ในช่วง พ.ศ.2516-2517 ชกมวยชนะยอดมวยดังในยุคนั้นได้หลายคน ในปี พ.ศ.2527 “พุฒ ล้อเหล็ก” ติดอันดับ 1 ใน 10 ของการจัดอันดับมวยไทยตลอดกาลของสนามมวยเวทีราชดำเนิน และจากโพลสำรวจของ นายธีรยุทธ บุญมี เมื่อปี พ.ศ.2542 ระบุว่า “พุฒ ล้อเหล็ก” คือยอดนักมวยที่ได้รับคะแนนยอดนิยมสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในรอบ 50 ปี (พ.ศ.2492-2542) ด้วยสถิติการชกมวยมากกว่า 80 ครั้ง

ในช่วงปี 2560-2563 “พุฒ ล้อเหล็ก” ได้รับการชักชวนจาก นายสมชาย พูลสวัสดิ์ ให้ไปดูแลค่ายมวยลูกเจ้าพ่อโรงต้ม อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์ฝึกกีฬามวยไทย “พุฒ ล้อเหล็ก” ซึ่งระหว่างดูแลค่ายมวยลูกเจ้าพ่อโรงต้ม “พุฒ ล้อเหล็ก” ได้เดินทางมาเยี่ยมบ้านที่ จ.ตรัง อยู่บ่อยครั้ง และการเดินทางครั้งสุดท้ายของ “พุฒ ล้อเหล็ก” ก็สิ้นสุดลงที่นี่