‘ลุมพินี’ ปรับลุค ยกระดับวิกมวยไทย
ความเปลี่ยนแปลงในวงการมวยไทยช่วงไวรัส “โควิด-19” ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมาถือเป็นก้าวย่างที่น่าติดตามยิ่งนัก…
เริ่มจากเวทีมวย “ลุมพินี” ย่านรามอินทรา กม.2 ตกเป็นจำเลยสังคม เป็นคลัสเตอร์โควิด-19 ในช่วงแรกๆ และลุกลามไปหลายร้อยคน
ณ ตอนนั้น เวทีมวยลุมพินีที่ขึ้นตรงกับกองทัพบก โดนโจมตีอย่างหนัก พร้อมๆ กับการหยุดทำการชกของทุกเวทีมวยไทยทั้งในเมืองกรุงและต่างจังหวัด ตามมาตรการของภาครัฐที่กำหนดออกมา
ในช่วงเวทีมวยไทยทั่วประเทศถูกห้ามทำการชก นักมวยในค่ายมวยต่างๆ ที่ท่อน้ำเลี้ยงไม่แข็งพอ จำใจต้องกลับบ้านต่างจังหวัด ทำอาชีพค้าขายหาเงินเลี้ยงครอบครัวไปตามเส้นทางอยู่รอด
ฝั่งเวทีมวยที่ออกแอ๊กชั่นมากที่สุดในช่วงดังกล่าวคือ เวทีมวยลุมพินีของกองทัพบก ถึงขนาดว่า “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ทุบโต๊ะประกาศนโยบายกอบกู้ศักดิ์ศรีเวทีมวยไทยลุมพินีใหม่ ด้วยการมอบนโยบายให้ “บิ๊กแดง” พล.ท.สุชาติ แดงประไพ นายสนามมวยเวทีลุมพินี 3 ข้อคือ 1.ลุมพินียุคใหม่ต้องปลอดพนันแบบ 100% 2.ต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของลุมพินี และ 3.ลุมพินีจะสร้างความชอบธรรมให้คนมวยไทย
“บิ๊กแดง” บอกว่า ลุมพินีต้องการเป็นสถานที่อนุรักษ์สืบสานศิลปะแม่ไม้มวยไทย ลุมพินีในยุคใหม่จะยกระดับวงการมวยไทยไปสู่ระดับนานาชาติ ให้ลูก-หลานนักมวยได้ประกอบอาชีพ เราจะไม่ทำลายระบบวงการมวยไทย ต้องยอมรับว่าประเด็นเรื่องโควิด-19 กับเรื่องการพนัน เราโดนโจมตี ทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง ลุมพินีในยุคใหม่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายที่จะร่วมกันพัฒนาวงการมวยไทย ล้างภาพลักษณ์เดิมๆ ที่คนไทยมองมวยไทย
เมื่อแผนบูรณาการพลิกโฉมมวยไทยในยุคใหม่จากการระดมสมองของคนมวยไทยภายใต้การนำของ “บิ๊กแดง” เสร็จสิ้นเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา “ลุมพินี” เริ่มเดินเครื่องทำงานผนึกกำลังกับ “ซ้อเอ๋” สุนทรี โละพืช นายหญิงแห่งค่ายจิตรเมืองนนท์ และ “เสี่ยชาย โกสปอร์ต” สิทธิรุจน์ เสถียรจารุพงศา โปรโมเตอร์ผู้รับสัมปทานการดำเนินการจัดมวยที่เวทีมวยลุมพินี ในการทำงานเพื่อยกระดับมวยไทยโฉมใหม่ “โกอินเตอร์” และปลอดการเล่นการพนันในเวทีมวย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพบกในฐานะที่กำกับดูแลเวทีมวย “ลุมพินี” โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ (ผบ.ทบ.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในเรื่องความร่วมมือเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนสนามมวยต้นแบบสู่การพัฒนามาตรฐานมวยไทย ยกระดับกีฬามวยไทยให้เป็นกีฬาประจำชาติ
“บิ๊กบี้” บอกว่า สนามมวยลุมพินียังมีการแข่งขันชกมวยอยู่ แต่ในอนาคตจะเป็นสถานที่ในการรักษาศิลปวัฒนธรรมของชาติ เป็นสถานที่การเรียนรู้และเป็นพิพิธภัณฑ์ทุกอย่าง โดยจะเป็นการแข่งขันเชิงท่องเที่ยวที่เน้นศิลปวัฒนธรรมของชาติ แต่จะไม่มีการพนันโดยเด็ดขาด โดยจุดประสงค์สุดท้ายคือ จะให้ครอบครัวกำลังพล และคนไทยเข้าไปดู ศึกษาศิลปะประจำชาติของคนไทย
โดยเวทีมวยไทยลุมพินีเป็นหนึ่งในกิจการสวัสดิการกองทัพบกที่ได้พัฒนา และปรับรูปแบบการบริหารจัดการและการให้บริการเพื่อสวัสดิการกำลังพลและประโยชน์ต่อประชาชนทั่วไป เพื่อใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ฝึกอบรมกีฬามวยไทย จัดการแข่งขันชกมวยที่ปราศจากการพนัน เป็นศูนย์รวมการผลิตบุคลากรกีฬามวยไทย รวมทั้งการอนุรักษ์และส่งเสริมกีฬามวยไทยให้ดำรงอยู่เป็นเอกลักษณ์ที่คนไทยภาคภูมิใจและต่างชาติชื่นชม
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า หากได้สนามมวยเวทีลุมพินีนำร่อง จะส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่น เพราะสนามมวยเวทีลุมพินีเป็นสนามที่ได้รับการยอมรับและดำเนินการด้านกีฬามวยและศิลปะการป้องกันตัวทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงยังจะใช้สนามมวยเวทีลุมพินี และโรงเรียนมวยไทยลุมพินี เป็นสถานที่ศึกษา วิเคราะห์วิจัย จัดทำโครงการ แผนงาน และประเมินผล เพื่อจัดทำข้อมูลทางสถิติที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม พัฒนากีฬามวยได้ในทุกมิติ โดยเฉพาะโรงเรียนมวยไทยลุมพินีจะเป็นหน่วยปฏิบัติด้านการเรียนการสอนมวยไทยตามมาตรฐานที่ กกท.ได้กำหนดขึ้น เพื่อเป็นมาตรฐานปฏิบัติ และเป็นโรงเรียนนำร่องที่ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของทั่วทุกมุมโลก
“เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์โปรโมเตอร์ดังค่ายมวยเพชรยินดี บอกว่า อีก 10 ปีข้างหน้า มวยไทยจะปรับตัวและอยู่ได้อย่างถาวรด้วยรูปแบบ “สปอร์ต เอ็นเตอร์เทนต์” ผมมีแนวคิดมาตลอดว่าอยากให้คนรุ่นใหม่มาดูมวยไทย ในแบบที่เป็นกีฬา ดูในฐานะเป็นแฟนกีฬา แต่คนยังไม่กล้าเข้ามา เพราะคิดว่าสังคมส่วนใหญ่เขาเล่นการพนันกัน ซึ่งมีแน่นอน แต่ต้องบอกเลยว่า ถ้ามวยไทยไม่มีการพนัน วันนี้มวยไทยคงจบไปนานแล้ว เพราะคงจะไม่มีใครเขามาดูมวย แต่เราต้องการเข้ามาเปลี่ยนทัศนคติใหม่ เพราะผมเชื่อมั่นว่ารูปแบบการจัดมวยไทย มันกำลังจะจบไป ในอีกสัก 10 ปี คนจะไม่น่าเข้ามาดูแล้ว คงจะเปลี่ยนเป็นมวยไทยโชว์กึ่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์มากขึ้น อย่างที่ไทยไฟต์ทำอยู่ แต่ ณ ตอนนี้ ก็พยายามรักษายืดเวลาให้มันอยู่ได้ เพราะมันเป็นรากเหง้าของมวยไทยจริงๆ
“ซ้อเอ๋” สุนทรี โละพืช นายหญิงแห่งค่ายจิตรเมืองนนท์ บอกว่า พร้อมจับมือกับลุมพินีในการสืบสานรักษาศิลปะแม่ไม้มวยไทย เราจะเดินตามโรดแมปที่วางกันไว้กับทางลุมพินี ค่อยๆ จัดมวยในแบบเอ็นเตอร์เทน มีการยิงสดไปต่างประเทศทางช่องทางต่างๆ มีการปรับกติกาการชก แรกๆ ต้องค่อยเป็นค่อยไป แต่เชื่อว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งเราจะทำได้ วงการมวยไทยจะแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับของคนไทย และปราศจากการเล่นการพนัน มวยไทยจะโกอินเตอร์ไปในระดับนานาชาติ ทางค่ายจิตรเมืองนนท์จะส่งนักมวยไปขึ้นชกในรายการต่างๆ ที่เวทีมวยลุมพินีจัดขึ้นเพราะเห็นด้วยกับไอเดียของทางเวทีมวยลุมพินี
“เสี่ยชาย โกสปอร์ต” โปรโมเตอร์ใหญ่ของเวทีมวยลุมพินีในปัจจุบัน บอกว่า มวยไทยรูปโฉมใหม่ของเวทีมวยลุมพินีในศึก ลุมพินี-โกสปอร์ต เวิลด์ มวยไทย จัดขึ้นเพื่อสานฝันให้เป็นจริง สร้างมวยไทยให้เป็นกีฬาระดับโลกที่คนทั่วโลกดูได้ ดูง่าย ดูเป็น และเพื่อสานความยิ่งใหญ่ของกีฬามวยไทยของคนไทย ที่เกิดจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้สืบต่อชั่วลูกหลาน เรามีโปรโมเตอร์ 4 ภาคทั่วประเทศเป็นเครือข่าย โปรโมเตอร์ เรามีคุณสมบัติ ไม่มีค่าหัวคิว, ไม่เล่นการพนัน, ไม่ประกบมวยกินกัน, รักและสามัคคี ผมเชื่อว่าเราทำได้ เราพยายามปรับกติกาการชกให้มวยไทยดูสนุก ดูแล้วติดใจที่จะมาดูอีก ในสนามมวยลุมพินีจะไม่มีการเล่นการพนัน เราพยายามจะยกระดับตัวเอง ยกระดับมวยไทยไประดับนานาชาติ เราเชื่อว่า สิ่งที่ทำกันอยู่จะเป็นประโยชน์ต่อวงการมวยไทยให้อยู่คู่กับคนไทยไปอีกยาวนาน
นี่เป็นอีกหนึ่งก้าวย่างที่น่าติดตามว่า สิ่งที่ “ลุมพินี” กำลังล้างภาพลักษณ์เดิมๆ ของมวยไทยไปสู่รูปโฉมใหม่ จะได้รับการยอมรับจากคนมวยไทย เซียนมวยไทย ผู้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับมวยไทย ได้มากน้อยขนาดไหน
แต่อย่างหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือ กองทัพบกในฐานะที่กำกับดูแลเวทีมวยลุมพินี กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง สลัดทิ้ง