รวมถึงหัวใจหลัก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมสาวสวย ก็เข้าประจำการบัญชาทัพ ด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว หลังเร่งสะสางภารกิจหลักเพื่อนำทัพช้างศึกลงปะทะกับคู่แข่ง
โดยนัดสองของช้างศึกจะพบกับสิงคโปร์ วันที่ 9 พ.ค. เวลา 19.00 น. ช่องเอ็มคอต เอชดี 30 ถ่ายทอดสด
เช่นเดียวกับ “ช้างศึกโต๊ะเล็ก” ฟุตซอลทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ 2 คู่หูสำคัญ “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาเทคนิค กับ “บิ๊กสุ” สุทิน บัวตูม ผู้จัดการทีม ก็เดินทาง ไปถึงแล้ว เพื่อเตรียมลงประเดิมแข้งนัดแรกวันที่ 11 พ.ค. พบมาเลเซีย เวลา 13.00 น. สำหรับฟุตซอล จะดวลแข้งที่สนามฮานัม สเตเดียม แบบพบกันหมด เพื่อหาทีมที่มีคะแนนมากที่สุดคว้าเหรียญทอง
ขณะที่ทัพใหญ่ของไทยจะยกพลบุกเวียดนามวันที่ 11 พ.ค. รวมทั้งหมด 170 คน ประกอบด้วย ทีมเจ้าหน้าที่, ทีมแพทย์, เปตอง, เพาะกาย, วูซู, ยิมนาสติก (ศิลป์), เซปักตะกร้อ, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, วอลเลย์บอล และไตรกีฬา
ในซีเกมส์หนนี้คณะนักกีฬาทีมชาติไทยที่จะไปลุยถิ่นญวนรวมเจ้าหน้าที่มีทั้งหมด 1,341 คน มีนักกีฬา 819 คน
ถือเป็นอันดับ 2 รองจากเจ้าภาพที่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมชิงชัยมากที่สุดกว่า 1 พันคน
ไฮไลต์หลักๆของทีมไทยที่หลายคนเฝ้าจับตายังคงเป็นกีฬาสากลอย่างฟุตบอลชาย-หญิง ที่รวมกับ ฟุตซอลชาย-หญิง ที่ตั้งเป้ากวาดครบทั้ง 4 เหรียญทอง
รองลงมาเป็น “มวยสากล” ที่ระยะหลังผลงาน ไม่ค่อยเข้าเป้า แต่ก็ยังถือเป็นความหวังในโอลิมปิกเกมส์ 2024 “ปารีสเกมส์” ฝรั่งเศส รวมถึง “เอเชียนเกมส์” ที่หางโจว ประเทศจีน ที่ตอนนี้ได้ประกาศเลื่อนการชิงชัยออกไปเนื่องจากผลกระทบอย่างหนักของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอกใหม่
ครั้งนี้ทีมมวยเสื้อกล้ามไทยตั้งเป้าไว้ถึง 5 เหรียญทอง จากทีมหญิง 3 เหรียญจากรุ่น 48 กก. จุฑามาศ รักสัตย์ รุ่น 51 กก. นิลดา มีคุณ และรุ่น 60 กก. สุดาพร สีสอนดี ส่วนทีมชาย 2 เหรียญจาก รุ่น 63 กก.สมชาย วงษ์สุวรรณ และรุ่น 69 กก.บรรจง สินสิริ
คู่แข่งขันสำคัญของทีมเสื้อกล้ามไทยหนีไม่พ้น คู่รักคู่แค้นตลอดกาลอย่างเจ้าภาพ โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ ที่ต้องยอมรับว่าระยะหลังผลงานของนักชกตากาล็อกจับต้องได้ตลอด โดยมี “เดอะแพ็กแมน” แมนนี ปาเกียว ยอดแชมป์โลกเป็นไอดอล ในการสร้างความสำเร็จ
สำหรับมวยสากลทีมชาติไทยลงแข่งรอบแรก วันที่ 16 พ.ค. ที่เวทีมวยชั่วคราวบั๊กนิญยิมเนเซียม ชานกรุงฮานอย
ส่งกำลังใจเชียร์ทัพไทยในซีเกมส์ให้คว้าเหรียญทองได้ตามเป้า.
โจโจ้ซัง