เปิดใจ “พล.อ.สุชาติ แดงประไพ” ถอนรากภาพลบสนามลุมพินี มวยไทยจะไม่โดนดูถูกอีกต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามวยไทยมีแต่ภาพลบตลอดทุกวันนี้ก็ยังขจัดไม่สิ้นซากไม่ว่าจะเป็นการพนันและล้มมวยแน่นอนว่าเป็นเพราะเรื่องเงินตัวเดียวเท่านั้นที่เข้ามาชักจูงคนในวงการให้เดินในทางที่ผิดไม่เคารพศิลปะแม่ไม้ที่มีมาแต่โบราณจนทำให้คนรุ่นใหม่ติดภาพเหล่านี้และไม่คิดเหยียบย่างเข้าเวทีมวยต่างๆ

จนกระทั่งล่าสุดเวทีลุมพินีสนามมวยเก่าแก่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายใต้การดูแลของทหาร เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.สุชาติ แดงประไพ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) ซึ่งเป็นอดีตนายสนามมวยลุมพินี ถึงทิศทางการเปลี่ยนแปลงของเวทีมวยแห่งนี้ที่ในปีหน้าเป็นต้นไปที่จับมือกับ ONE ของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ให้เข้ามาดูแล และเป็นโปรโมเตอร์

พล.อ.สุชาติ แดงประไพ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก

– ความคิดริเริ่มในการปรับโฉมเวทีมวยลุมพินีให้เป็นรูปแบบใหม่

ต้องย้อนเล่ากลับไปเมื่อปี 2563 ได้เกิดคลัสเตอร์โควิด-19 ที่สนามมวยลุมพินี คนในสังคมก็เดือดร้อน ภาพลักษณ์ของกองทัพบกก็เสียหายจนสนามมวยแห่งนี้ถูกสั่งปิดชั่วคราว 8 เดือน คณะกรรมการชุดเดิมถูกสั่งโยกย้ายทั้งหมด หลังจากนั้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ในปัจจุบัน สั่งการผมให้เข้ามาทำสนามมวย โดยมีนโยบายหลัก คือ สนามมวยแห่งนี้ต้องปลอดการพนัน ภายในสนามมวยต้องไม่มีการพนัน ที่ดินของกองทัพบกต้องไม่สนับสนุนให้เกิดอบายมุขทั้งสิ้น ส่วนอีกนโยบายคือการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับสังคม เพราะภาพลักษณ์เดิมถูกสังคมมองแบบติดลบ มองทหารไม่ดี ทำตัวมีอิทธิพล ส่วนนโยบายสุดท้ายคือการทำให้เวทีแห่งนี้เกิดความชอบทำ และเกิดประโยชน์ต่อสังคม

ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานวัน แชมเปียนชิพ

– วิธีการแก้ปัญหาในเรื่องของเซียนพนันข้างเวที

ในวงโคจรเดิมมวยรุ่นโบราณเป็นการจัดมวยเพื่อการพนันโดยเฉพาะ และด้วยนโยบายของเราคือการเป็นสนามมวยปลอดการพนัน ต้องขอย้ำว่า “ภายในสนามมวย” ประเด็นนี้เราเลยมีการจัดระเบียบทั้งระบบ ถามว่าเราจัดอะไรก่อน อันแรกก็คือรูปแบบของการจัดการแข่งขันที่ยุติธรรม มวยต่อยสนุก และทำให้คนดูทั้งในและนอกสนามเห็นว่ามวยไทยเป็นกีฬาอาชีพอย่างแท้จริง ต้องไม่จัดเพื่อนักพนัน แต่เราไม่ได้ปฏิเสธเรื่องพนันเพราะนั่นเป็นความชอบของเขา แต่ภายในสนามแห่งนี้ไม่มีพนันข้างๆสนามแน่นอน เราเข้าไปจัดระเบียบเรื่องแรกคือการตัดสินที่มีความยุติธรรม กรรมการของสนามแห่งนี้ถูกติวเข้มเรื่องนี้มา 8 เดือนเต็มๆ มีการจัดระเบียบเรื่องการให้คะแนน 6 ข้อใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่การตัดสินจะใช้ภาพดุลยพินิจ เราเปลี่ยนเป็นตามภาพที่เห็น ให้คะแนนที่มีรายละเอียดครบ ใครออกอาวุธมากกว่า รุนแรงกว่า เข้าเป้าหมายสำคัญกว่า กระทำให้คู่ต่อสู้บอบช้ำกว่า คู่ต่อสู้มีอาการกว่า ไม่กระทำผิดกติกา ผู้นั้นชนะในยกนั้น ซึ่งในแต่ละยกเราจะไม่ดูแค่ภาพรวม เราดูการออกอาวุธทั้งเชิงรุก และเชิงรับ ซึ่งเป็นวิธีการตัดสินมวยไทยในรูปแบบใหม่ที่เราได้เห็นในรายการใหญ่ๆ เช่น วัน แชมเปียนชิพ เป็นต้น

บรรดาค่ายมวยทั้งหลายที่จะขึ้นมาต่อยกับเรา เรากำชับไปเลยว่านักมวยของท่านต้องต่อยให้เร้าใจ และเต็มที่ในทุกๆยก เราเปลี่ยนมาใช้รูปแบบของการชก 3 ยก แต่ต้องใส่ให้เต็มที่มากที่สุด จะไม่มีการมาดูเชิงยกหนึ่ง ยกสอง แล้วมาออกอาวุธยกสาม ยกสี่ พอถึงยกห้าก็วิ่งหนี แบบนั้นจะไม่มีอีก เราต้องทำให้มวยไทยเกิดมาตรฐาน และทำให้กลายเป็นกีฬาอาชีพให้ได้ ในช่วงที่ผ่านมาเหล่าพี่น้องนักเล่น หรือเรียกกันว่า “เซียน” เราไม่เคยมีปัญหากับพวกเขา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องของการตัดสิน ไม่มีเซียนมวยมาเล่นมวยในสนามเราตลอดช่วง 1 ปี 2 เดือน และมวยของเราเป็นในรูปแบบของมวยทั่วโลกที่เขาเป็นกัน ถ้าเซียนเหล่านั้นไม่พอใจสนามของเรา ก็ยังมีสนามอื่นๆให้ได้ไปเล่นกัน ไม่ต้องมาเล่นที่นี่

ลุมพินี แถลงจับมือ ONE อย่างเป็นทางการ

– ทำไมเลือก ONE ให้เข้ามาพลิกโฉมเวทีมวยลุมพินี

ต้องบอกก่อนว่าศิลปะการต่อสู้จะมีหลากหลายรูปแบบ อย่างมวยไทยเราแต่เดิมมักจะติดหล่มในเรื่องการพนันรอบๆสนาม ประเด็นตรงนี้ทำให้มันไปต่อในระดับสากลยากพอสมควร แต่ศิลปะแม่ไม้มวยไทยของเราตอนนี้แพร่หลายไปทั่วโลก มีรายการที่จัดการแข่งขันแบบไม่มีการพนันรอบๆสนามอยู่ทั่วโลก เราก็ต้องการจะจัดแบบนั้น เพราะฉะนั้นการจับมือกับ ONE ถือเป็นเรื่องที่เราภาคภูมิใจ ทาง ชาตรี เขาเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เรียนรู้มวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ไปเรียนหนังสือต่างประเทศ ทุกวันนี้ ชาตรี ก็ยังฝึกซ้อมมวยมาอย่างยาวนาน เขารักในมวย และทำมวยจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ยิมมวยใหญ่ๆ ทั่วโลกก็อยู่ในมือของเขามากมาย การจับมือครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ยาก และก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ชาตรี เขาบอกว่าเขาเป็นคนไทย ก็อยากจะตอบแทนประเทศไทย การมาร่วมมือกับลุมพินีซึ่งถือเป็นต้นตำรับมวยไทยที่เกิดมา 66 ปีแล้ว เขามองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เห็นคนไทย ต่อสู้กับคนต่างชาติในเวทีแห่งนี้ นอกจากนี้จะยังเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ นักมวยทุกคนได้มีอาชีพ สำหรับรายการที่เราจับมือกับ ONE จะเริ่มต้นในปีหน้า ต่อยกันทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ช่วง 1 ทุ่ม ไปจนถึง 5 ทุ่ม ซึ่งจะเป็นรายการที่แยกออกมาจากรายการหลักของ ONE Championship อีกที รวมไปถึงรายการหลักของ ONE เองก็อาจจะมาจัดที่นี่ และถ่ายทอดสดไปอีกกว่า 154 ประเทศทั่วโลก การที่ ONE เข้ามาลงทุนกับเรา ก็เปลี่ยนได้ว่าเขาเป็นแบรนด์ระดับโลกที่เข้ามาลงทุนกับเรา ส่วนสนามลุมพินีก็เปรียบเหมือนสนามมาตรฐานของคนไทยที่อยู่มาอย่างยาวนาน เราอยากเห็นนักมวยหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมีรายได้ที่พอเพียงโดยไม่ต้องไปรับเงินจากการพนันเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญคือทางเราจะไม่มีการหักค่าตัวของนักมวยทุกคนที่ขึ้นมาต่อยในรายการของ ONE LUMPINEE แต่อย่างใด

ล้างระบบความคิดเก่าๆ ของนักมวยรวมถึงกรรมการ

– กองทัพบก กับ ONE แบ่งหน้าที่กันอย่างไร

ตอนดีลกัน ผมกับ ชาตรี เจอกันอยู่ 4 ครั้ง ชาตรี ขอผมในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสนามที่ต้องปรับปรุงให้เป็นเชิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์ให้ได้มากที่สุด ส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเรื่องของแสง สี เสียง ตอนนี้ผมก็จัดการให้เขาได้เรียบร้อย เขาพึงพอใจตรงนี้มากๆ ขณะที่ผมเองก็ขอ ชาตรี ไปว่าอยากจะให้ ONE หยิบเอาอีเวนต์ของพวกเขามาชกที่เมืองไทย และมาชกที่ลุมพินีให้บ่อยขึ้น ถามว่าแบ่งอะไรกันบ้างคงต้องบอกว่าไม่ได้แบ่งเลย เราทำงานด้วยกันทุกอย่าง ส่วนอีกเรื่องเป็นมาตรฐานของผู้ตัดสินที่ต้องตัดสินในรูปแบบของเขา ตอนนี้ผมก็จัดการให้เขาเรียบร้อย

– ค่าตัวนักมวยที่จะขึ้นชกใน ONE LUMPINEE

คนที่ต่อยที่นี่ถูกเปลี่ยนระบบความคิด เรามีระบบป้องกันการล้มมวยจากทุกๆฝ่าย ทุกคนจะต้องเป็นมืออาชีพ มีจรรยาบรรณ ผมยืนยันได้เลยว่าแทบจะเป็น 0 เปอร์เซนต์ รวมไปถึงกรรมการด้วย เราฝึกกรรมการมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะไม่มีทางได้เจอนักมวยก่อนขึ้นชก จะได้ไปเจอกันอีกทีก็คือตอนขึ้นเวทีเลย สำหรับค่าตอบแทน ตัวนักมวยที่ขึ้นชกที่นี่จะถูกเซ็นสัญญากับ ONE โดยตรง แน่นอนว่าค่าตอบแทนหลักแสนบาทขึ้นไปซึ่งก็แล้วแต่ความสามารถ และเรตติง อาจจะ 2-3 แสนบาท หรือถ้าบางคนสามารถสร้างตัวเองให้มีจุดขายได้บางทีก็อาจสูงขึ้นไปถึงหลักล้านอย่าง น้องโอ๋ หรือรถถัง ซึ่งในแต่ละไฟต์ถ้าเขาต่อยดี ต่อยสนุก ก็จะมีรางวัลพิเศษจาก ONE อีกต่างหาก

พล.ท.รณวุธ เรืองสวัสดิ์ นายสนามมวยลุมพินีคนปัจจุบัน

– เปรียบเทียบระหว่างลุมพินี และราชดำเนิน

สำหรับสนามมวยลุมพินี และราชดำเนิน เปรียบเสมือนสนามที่คู่บุญกันมาอย่างยาวนาน ผมไม่อยากจะยกไปเปรียบเทียบกับใคร เราไม่จำเป็นต้องแข่งขันกัน เพราะผู้ชมที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย 1 สนามนั้นรองรับได้ไม่พอ เพราะฉะนั้นแต่ละสนามเขาก็จะมีแนวทางของใครของมัน เรียกได้ว่าเราพึ่งพาอาศัยกัน และเฉลี่ยผู้ชมกันมากกว่า ใครชอบมวยแบบนั้นก็ไปดูทางนั้น ส่วนใครชอบมวยแบบของเราก็มาดูที่นี่ แต่ผมการันตีได้ว่ามวยที่ลุมพินีอย่างที่ได้บอกไป รูปแบบจะไม่เหมือนมวยโบราณในบ้านเราที่ชกกันมา และจะเป็นไปตามแบบฉบับสากลที่เขาต้องการจะให้เป็นแน่นอน เซียนพนันที่เคยชินกับการเล่นมวยในสนามจะไม่สามารถมาเล่นในลุมพินีได้ ถ้าอยากเล่นอยากเดินพันในสนามก็คงต้องไปสนามอื่น ตรงนี้ผมไม่ได้ห้ามในส่วนของการพนันออนไลน์นะ เราคงไปห้ามพวกนั้นไม่ได้ แต่ผมการันตีได้ว่าภายในสนามมวยลุมพินีไม่มีพวกเซียนพนันเข้าไปทำอะไรโจ๋งครึ่มกันข้างในมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบกันจริงๆ ราชดำเนิน เขาก็ได้เปรียบจากการเป็นสนามที่อยู่ในกรุงเทพฯชั้นใน ส่วนลุมพินีก็จะเป็นการแข่งขันในรูปแบบที่เป็นอาชีพจริงๆ ไม่จัดเพื่อการพนันอีกต่อไป ทั้งสองสนามมีจุดคล้ายกันและแตกต่างกัน ขึ้นกับผู้ที่อยากเข้าชมว่าอยากไปชมแบบไหน

เวทีมวยลุมพินี ปรับโฉมใหม่ แสงสีเสียงแบบจัดเต็ม

ทั้งนี้ พล.อ.สุชาติ แดงประไพ ประธานที่ปรึกษาศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก (มวยไทยลุมพินี) ฝากถึงชาวไทยทุกคน เชิญชวนให้เข้ามาชมการแข่งขันกันที่สนามมวยลุมพินีเยอะๆ เพราะเราปรับเปลี่ยนรูปแบบไปหมดแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเจอกับเหล่าเซียนมวย เราจัดการแข่งขันแบบสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 100 เปอร์เซนต์ และมีการแข่งขันในรูปแบบของอาชีพ ซึ่งจะทำให้ท่านได้รับชมมวยแบบสนุกตลอดเวลาที่เข้ามาเชียร์ในสนามอย่างแน่นอน

และนี่ก็คือเรื่องราวของสนามมวยลุมพินีที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพบก ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว นอกจากนี้ฤกษ์งามยามดีในปี 2566 เราจะได้เห็นองค์กรการต่อสู้ยักษ์ใหญ่ของโลก อย่าง ONE เข้ามาดูแลการชกในแต่ละไฟต์อีกต่างหาก แฟนๆมวยทุกคนน่าจะได้เห็นอะไรดีๆ จากศึก ONE LUMPINEE แน่นอน