“ชาตรี ศิษย์ยอดธง” คนมวยที่ทำเพื่อมวยไทย ล้างภาพสกปรกที่ลุมพินี (คลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในช่วงระยะเวลาราว 10 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า “วัน แชมเปียนชิพ” องค์กรศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั้งในทวีปเอเชียไปจนถึงระดับโลก ภายใต้การบริหารงานของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ซีอีโอลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่ลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ จากครอบครัวที่มีสถานะล้มละลาย สู่การเป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นหมื่นล้าน

เวลานี้พวกเขาขยายฐานแฟนคลับไปทั่วทุกมุมโลก แรกเริ่มเดิมทีอาจจะรู้จักกันในแถบทวีปเอเชีย แต่ปัจจุบันพวกเขาโด่งดังไปไกลถึงทวีปยุโรป และอเมริกา ถึงขนาดที่ต้องมีไฟต์แข่งขันในช่วงเวลา “ไพร์ม ไทม์” ของสหรัฐฯ เลยทีเดียว

ล่าสุด ONE มีโปรเจกต์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย จับมือกับสนามมวยลุมพินีที่ปัจจุบันควบคุมดูแลโดยกองทัพบก มีไอเดียร่วมกันในการผุด ONE Lumpinee สุดยอดรายการมวยไทยที่หลายคนให้ความสนใจ และตั้งตารอคอยเพราะจะเป็นรายมวยไทยที่ชกกันตามมาตรฐานของวัน แชมเปียนชิพ ไม่เหมือนกับมวยไทยตามรายการอื่นๆทั่วไป

ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยเปิดใจกับ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธาน และซีอีโอของวัน แชมเปียนชิพ ที่ตัดสินใจตอบรับคำเชิญของกองทัพบกให้เข้าไปเป็นโปรโมเตอร์ประจำสนามมวยลุมพินีในรายการ ONE Lumpinee ซึ่งมีกำหนดแข่งขันกันในปี 2566 เป็นต้นไป พร้อมการันตีว่านักมวยแต่ละคนจะได้เงินจากรายการนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท และในปีหน้ากับรายการชิงแชมป์โลกมวยไทยของ ONE แชมป์ที่คว้าเข็มขัดไปครองอาจมีสิทธิ์ได้ค่าตัวสูงถึง 6 ล้านบาทเลยทีเดียว

ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานวัน แชมเปียนชิพ

– ทำไมยอมตัดสินใจทำ ONE Lumpinee

ONE ประสบความสำเร็จในระดับโลก และสิ่งที่ผมรู้สึกเศร้ามากคือมวยไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมากำลังตกต่ำ เพราะคนที่เล่นการพนันมีการจ่ายเงินให้กรรมการ ศิลปะของเรา มรดกของเรามันกำลังเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่ทำไม ONE ถึงโตเร็ว เพราะว่าเราตั้งใจทำให้มันเป็นกีฬาจริงๆ เราแข่งขันกันแบบยุติธรรม ไม่ใช่ทำมาเพื่อเล่นการพนัน ผมไม่ได้บอกว่าเล่นการพนันผิดนะ มันไม่ผิด สมัยก่อนเรามีเฉพาะคนที่เล่นการพนันมวยไทย แต่ปัจจุบันทั้งโปรโมเตอร์ เจ้าของค่าย ที่เล่นการพนันเสียเอง แล้วก็จ่ายเงินให้กรรมการ ทุกอาทิตย์เราเห็นเรื่องแย่ๆ ตามโซเชียลตลอด ผมคิดว่ามันไม่แฟร์ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปในอีก 5-10 ปี มวยไทยก็จะไม่เป็นมวยไทยแล้ว แต่ทางทหารที่ลุมพินีการันตี และแสดงให้เราได้เห็นแล้วจริงๆว่าภายในสนามไม่มีเล่นการพนัน ทำทุกอย่างใสสะอาด ผมจึงมองเห็นอนาคตที่เราจะเดินด้วยกันได้

ผมก็พอจะรู้ประวัติศาสตร์ของมวยไทย เมื่อก่อนเรามีทั้งลุมพินี และราชดำเนิน ที่ถ่ายทอดสดในประเทศไทยอย่างเดียว แต่ ONE ถ่ายทอดสดไป 154 ประเทศทั่วโลก ผมก็คิดว่าถ้าเราถ่ายทอดสดจากเวทีลุมพินีทุกอาทิตย์ไป 154 ประเทศทั่วโลก มันจะเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับนักมวยของเราที่เมืองไทย ถึงผมเป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น แต่ใจของผมเป็นไทยแทบจะร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าผมมีโอกาสได้ช่วยประเทศเราให้มรดกไทยกลายเป็นมรดกโลก ช่วยนักมวยของเราให้กลายเป็นฮีโร่จริงๆ และได้เงินเยอะๆ ผมก็พร้อมที่จะทำ

– ค่าตัวของนักมวยไทยกับ ONE Championship

ตอนนี้รายการของ ONE ถือเป็นรายการที่จ่ายค่าตัวให้นักมวยไทยมากที่สุดในโลก ตั้งแต่อดีตผมเห็นมาเยอะ นักมวยที่เป็นแชมป์ลุมพินี หรือราชดำเนิน พอเลิกชกไปแล้วทำไมยังเป็นคนจนอยู่ ไปเป็นคนขับรถตุ๊กๆบ้าง เป็นยามบ้าง ผมคิดว่ามันไม่แฟร์เลย ทำไมพวกเขาต้องโดนโปรโมเตอร์ หรือหัวหน้าค่ายเอาเปรียบ เมื่อเอาไปเทียบกับกีฬาอื่นทำไมเดวิด เบ็คแฮม หรือคริสเตียโน โรนัลโด ถึงมีได้แบบทุกวันนี้ เพราะว่ากีฬาอื่นๆ เขาทำกันแบบยุติธรรม เขาปั้นนักกีฬาของเขาให้เป็นฮีโร่จริงๆ ผมก็อยากจะทำแบบนั้นบ้าง ทุกวันนี้ ONE ก็สร้างฮีโร่ให้เป็นฮีโร่จริงๆ เหมือนอย่าง รถถัง (จิตรเมืองนนท์) ตอนนี้เขามีหลายล้านบาท มีบ้าน 2 หลัง มีรถอีกหลายคันไม่รวมเงินสด อย่าง น้องโอ๋ (ไก่ย่างห้าดาว) ตอนนี้เขาเป็นเศรษฐี มีที่ดินใหญ่ กำลังจะเปิดค่ายของตัวเองอีก หรืออย่าง ตะวันฉาย ตอนนี้เขาก็กำลังมาแรงมากๆ

ผมขอการันตีเลยว่าในปีหน้าคนที่ได้แชมป์มวยไทยของ วัน แชมเปียนชิพ จะมีสิทธิ์ได้ค่าตัวอย่างน้อยถึง 4 ล้านบาท ซึ่งถ้ารวมโบนัสไปอีกเขาก็จะได้ถึง 6 ล้านบาท ในประวัติศาสตร์มวยไทยไม่เคยมีมาก่อนที่แชมป์จะได้เงินถึง 6 ล้านบาท ผมอยากทำให้นักมวยของเราเป็นฮีโร่จริงๆ ผมไม่ได้เป็นแค่นักธุรกิจ ผมไม่เหมือนกับซีอีโอคนอื่นๆ ผมมีประสบการณ์ในมวยไทยมา 38 ปี มวยไทยอยู่ในเลือดผม อยู่ในใจผม ผมอยากจะช่วยประเทศเราจริงๆ อยากจะโชว์ว่านักมวยของเราสุดยอดแค่ไหน ให้เป็นแรงบันดาลใจไปทั่วโลก ถามว่ามันจะเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างไร ก็อยากให้ดูชีวิตของรถถัง เขามาจากชีวิตที่ยากจน พ่อเป็นมะเร็ง แต่ตอนนี้เขาเป็นคนที่รวยมาก เขาสู้ชีวิตมาก ก่อนหน้านี้รถถังเริ่มต่อยกับ ONE ตั้งแต่ค่าตัว 5 แสนบาท จนมาวันนี้ 1 ไฟต์เขาได้มากถึง 4 ล้านบาทรวมโบนัส ภายในระยะเวลาแค่ 3-4 ปีเท่านั้นเอง แต่ปีหน้าเขามีสิทธิ์ที่จะได้ 6 ล้านบาท จะถือเป็นนักมวยคนแรกในประวัติศาสตร์ของไทยที่ได้ค่าตัวสูงเท่านี้ ผมก็อยากจะให้สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนอื่นเหมือนกัน ส่วนในรายการ ONE Lumpinee นักชกก็จะได้ค่าตัวตามแรงกิงที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ถ้ายิ่งชกสนุก ชกมัน ก็มีสิทธิ์จะได้เลื่อนขึ้นมาชกใน วัน แชมเปียนชิพ และการันตีเงินค่าตัวไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทแน่นอน

จับมือกองทัพบกยกระดับมวยที่ลุมพินี

– การให้คะแนนของ ONE ที่ไม่เหมือนมวยไทยรายการอื่นๆ

เราไม่ได้ให้คะแนนเหมือนเวทีอื่นๆ มาตรฐานของเราคือผมต้องการคนที่เป็น Best of the Best หรือคนที่เป็นสุดยอดจริงๆ ต้องการนักกีฬาที่เป็นนักกีฬาจริงๆ พวกเขาจะต้องเดินหน้าเข้าใส่ หรือปล่อยอาวุธใส่คู่แข่งตั้งแต่ยกแรกจนถึงยกสุดท้าย ยิ่งน็อกยิ่งดี มันจะไม่เหมือนมวยไทยรายการทั่วไปที่ขึ้นไปเต้นไปเดินกันยกแรก แล้วค่อยเอาจริงกันยกสองยกสาม แล้วมาเดินมาเต้นกันต่อในยกห้า มันจะไม่เป็นแบบนั้น มาตรฐานการได้เงินโบนัส 50,000 เหรียญของผม คือนักมวยจะต้องใจสู้ตั้งแต่เริ่มจนจบ ไม่ใช่ว่า 30 วินาทีสุดท้ายรู้ว่าจะชนะแล้วเดิน ไม่ออกอาวุธ หนีอย่างเดียว แบบนี้ไม่มีทางได้โบนัส

ผมถามว่าทำไมคนดูทั่วโลกเขาถึงชอบ ONE เพราะพวกเขาจะได้ดูนักมวยที่ขึ้นมาตั้งใจชกจริงๆ มันไม่เหมือนกับสนามที่มวยไทยที่เน้นไปทางการพนัน นักมวยพวกนั้นคิดตลอดว่าไม่ต้องเจ็บตัวดีกว่า แบบนั้นมันไม่ใช่กีฬา อย่างไฟต์ล่าสุด เพชรมรกต กับ ตะวันฉาย ชกกันมันมากๆ มีคนดูถ่ายทอดสดมากกว่า 70 ล้านคน ใน 154 ประเทศทั่วโลก ผมต้องการให้สู้กันแบบนั้น แต่ทุกวันนี้โปรโมเตอร์ หรือหัวหน้าค่ายเล่นกันแบบสกปรก จ่ายเงินกรรมการตลอดทุกสัปดาห์ การให้คะแนนก็เป็นไปตามที่เขาอยากจะให้เป็น ทำให้มวยออกมาไม่สนุก ถ้าคุณอยากจะช่วยยกระดับวงการมวยไทย คุณต้องใสสะอาดจริงๆ ลองไปถามนักมวยในไทย หรือนักมวยทั่วโลกว่าซ้อมมวยมาแล้วอยากชกที่ไหน ตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ตอบว่าใน ONE

ชาตรี ยังซ้อมมวยไทยเป็นประจำ

– การสร้างนักมวยให้เป็นฮีโร่ ทั้งใน และนอกสนาม

ไฟต์เมื่อไม่นานมานี้ ถัง ไค นักสู้จากจีนเขาเพิ่งได้แชมป์ MMA รุ่นเฟเธอร์เวต พอเขากลับไปถึงบ้านเกิด แฟนๆรอให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลก ประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคนเขาภูมิใจกับฮีโร่ของเขามากๆ รัฐบาลเองก็ประโคมข่าวว่า ถัง ไค ชนะเลิศ ได้เข็มขัดแชมป์โลกของ ONE กลายเป็นคนดังไปเลย นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากจะให้นักมวยไทยเป็นแบบนี้ เรามีองค์กรที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้พวกเขาได้เป็นฮีโร่จริงๆ ตอนนี้เข็มขัดของเราเปรียบเสมือนเส้นที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดเส้นหนึ่งของโลก มันมีศักดิ์ศรีมากๆ ลองตัดภาพกลับมาที่ประเทศไทย นักมวยของเราไม่ได้มีสถานะเป็นฮีโร่ เมื่อเขาชกจากลุมพินี หรือราชดำเนินเสร็จ พอเดินข้ามถนนกลับบ้าน ก็ไม่มีใครมาขอลายเซ็นหรือขอถ่ายรูปเลย ทั้งๆที่เขาเป็นแชมป์นะ แต่ ONE ไม่เป็นแบบนั้น เราจะทำมาร์เกตติงให้นักมวยสวยๆ เราจะกระตุ้นให้เขาได้กลายเป็นฮีโร่จริงๆ ที่สำคัญที่สุดคือเรากล้าจ่ายค่าตัวให้เขาหลักล้านบาทเพื่อจะทำให้เขาได้หนีจากความจน และเรื่องราวในอดีตของเขาจะเป็นการให้แรงบันดาลใจกับทุกคนว่านี่คือที่สุดของที่สุด เขาก็จะได้กลายเป็นฮีโร่ของมวยไทย

– ONE Lumpinee เปิดโอกาสให้โปรโมเตอร์จากทั่วโลก

สำหรับรายการที่ลุมพินีผมเปิดโอกาสให้กับโปรโมเตอร์ทั่วทุกมุมโลก เราไม่ได้กำหนดให้เฉพาะแค่โปรโมเตอร์คนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนสามารถส่งนักมวยมาชกกับเราได้ เรามีรายการรับรองอยู่หลายรายการอยู่แล้ว เราต้องการนักมวยที่่อยากจะมาชกอาชีพจริงๆ ถ้าในอนาคตนักมวยคนไหนต้องการจะมาชกในรายการที่การันตีว่าจะได้เงินมากที่สุดในโลก ต่อสู้อย่างมีศักดิ์ศรี มีแฟนคลับเยอะแยะทั่วโลก คุณก็ต้องมาที่ ONE แต่คุณต้องยอมรับในกติการ และมาตรฐานของเราให้ได้เท่านั้นเอง

น้องโอ๋ แบกเข็มขัด พร้อมเงินหลักล้านกลับไทย

– มวยไทยใน ONE กับมวยไทยเวทีอื่นๆ

ถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าคุณอยากจะดูที่สุดของที่สุด อยากติดตามเรื่องราวของนักมวยที่เริ่มต้นจากศูนย์จนประสบความสำเร็จกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ อยากเห็นการชกที่เป็นกีฬาจริงๆ คุณจะเลือกดู ONE แต่ถ้าคุณเป็นคนเล่นการพนัน ต้องการดูมวยแบบสกปรกๆแบบไม่แคร์ ชอบแบบนี้ คุณก็อาจจะต้องไปดูรายการอื่น แต่สำหรับ ONE ทุกอย่างที่นี่เราแฟร์เสมอ

ทั้งนี้ ชาตรี ศิษย์ยอดธง กล่าวปิดท้ายแบบกึ่งจริงกึ่งตลกว่า “ตอนนี้เขาไม่ได้มีสถานะเป็นแค่ซีอีโอ หรือนักธุรกิจอย่างเดียว แต่ถ้าเทียบกันกับโปรโมเตอร์ หรือนักธุรกิจทั่วโลก ผมน่าจะเป็นคนเดียวที่ยังฝึกซ้อมมวยอยู่ ถ้ามีคนจะมาสั่งให้ผมขึ้นเวทีไปชก ผมก็พร้อม ผมชกได้ ถ้าโปรโมเตอร์คนอื่นอยากชกกับผม ผมไม่มีปัญหา จะเป็นใครก็ได้ จะเป็น ดาน่า ไวท์ (ประธานUFC) มาชกกับผมก็ได้ ผมพร้อม”

และนี่ก็คือการพูดคุยเปิดใจกับ ชาตรี ศิษย์ยอดธง ถึงการตัดสินใจจับมือกับกองทัพบกเพื่อเข้ามาแปลงโฉม ยกระดับวงการมวยไทยให้หลุดพ้นจากสิ่งสกปรก ออกมาจากบ่วงของเหล่าเซียนพนัน ซึ่งเราจะได้เห็นกันอย่างแน่นอนกับ ONE Lumpinee ในปี 2566 เป็นต้นไป