“โจ จอยซ์” เสียหายหลายล้าน / ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์

“โจ จอยซ์” เสียหายหลายล้าน / ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”

ถือว่าพลิกล็อกสุดๆ สำหรับมวยโลกรุ่นยักษ์ที่ระเบิดขึ้นที่สังเวียน “โอทู อารีน่า” ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อค่อนรุ่งเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา ระหว่างนักชกตัวดังเจ้าถิ่นวัย 37 “จอมมหึมา” โจ จอยซ์ กับนักชกรุ่นยักษ์ชาวจีน “บิ๊กแบง” จางจื้อเหล่ย ที่อายุอานามปาเข้าไปถึง 39 ปีแล้ว ปรากฏว่ายักษ์ชาวจีนโชว์พลังกำปั้นซ้ายทิ่มเอาๆ จนนักชกเจ้าถิ่นแก้ไม่ตก โดนซ้ายย้ำๆ เข้าจนตาขวาบวมปูดตั้งแต่ยก 2 และพอยก 5 ก็ม่วงช้ำจนบวมปิดสนิท พอยก 6 กรรมการให้แพทย์สนามขึ้นมาดูตอนต้นยกและปล่อยให้ชกต่อ แต่พอโดยย้ำเข้าไปอีก 3-4 หมัดกรรมการก็ให้แพทย์สนามขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจยุติการชกกลางยก 6 นี่เอง

ผลการชกครั้งนี้ทำให้ “จอมมหึมา” ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในชีวิตการชกจนเข็มขัดแชมป์โลก “เฉพาะกาล” ขององค์กรมวยโลก WBO กระเด็น ก่อนหน้านี้ชกมา 15 ไฟต์ชนะรวด ชนะแบบไม่ครบยกมาถึง 14 ไฟต์ แถมยังฟอร์มสดมาตลอดจนได้รับการยอมรับว่าเป็นนักชกที่น่าจะสร้างความหนักใจให้มวยตัวดังในรุ่นเฮฟวี่เวทในขณะนี้ได้มากที่สุด เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตมหึมาชนิดเจอกับ “ยิปซี คิง” ไทสัน ฟิวรี่ ก็ไม่เสียเปรียบ คางหินชนิดน่าจะต่อกรกับ “ไอ้ลูกระเบิดบรอนซ์” ดีออนเตย์ ไวล์เดอร์ได้สนุก หรือเชิงชกชั้นดีที่เจอกับยอดมวยยูเครนอย่างโอเล็กซานเดอร์ อูซิก ก็ไม่เสียเปรียบ แถมใจสู้กว่า “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว เยอะ รวมทั้งพลังหมัดที่หนักหน่วงชนิดเจอใครในรุ่นเฮฟวี่เวท ก็มีโอกาสต่อยร่วงได้หมด เรียกว่าครบเครื่อง และด้วยเข็มขัดแชมป์ “เฉพาะกาล” ของ WBO นั้นทำให้จอยซ์จ่อคิวเจอกับโอเล็กซานเดอร์ อูซิก อยู่แล้ว แม้ว่าอูซิกจะต้องเจอกับผู้ท้าชิง “ไฟต์บังคับ” ของสหพันธ์มวยนานาชาติ ฟิลิป เฮอร์โกวิซก่อนก็ตาม แต่ชื่อชั้นของจอยซ์นั้นขายได้ดีกว่าแน่ๆ แถมรอคิวอยู่แล้ว มาแพ้คราวนี้เสียหายหลายล้านจริงๆ ก็ต้องไปทำฟอร์มมาใหม่อีกที

ส่วนนักชกจีน “บิ๊กแบง” จางจื้อเหล่ยนั้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักมวยจีนคนแรกที่คว้าเข็มขัดโลกในรุ่นเฮฟวี่เวทได้ (อันที่จริงน่าจะเป็นนักชกเอเชียคนแรกเลยก็ว่าได้) โดยอาจางนั้นเป็นนักชกชาวเอเชียร่างยักษ์ที่แท้ทรู สูงถึง 6 ฟุต 6 นิ้ว ขึ้นชกไฟต์นี้ด้วยน้ำหนักถึง 278 ปอนด์ แต่การเคลื่อนไหวไม่ได้เก้งก้างหรือเงอะงะเลย เดินเร็ว ออกหมัดรวดเร็วโดยเฉพาะหมัด “เค้าน์เตอร์” หรือหมัดจังหวะสอง ที่โจ จอยซ์ ปิดไม่ทันเลย รวมทั้งพลังหมัดที่เชื่อถือได้ (สถิติรวมถึงไฟต์นี้ ชนะ 25 น็อก 20 เสมอ 1 แพ้ 1) ไฟต์นี้ยก 2 ทิ่มซ้ายตรงเข้าเต็มจมูกยักษ์อังกฤษจนก้นเตี้ยต้องเข้ากอดประคองตัว แถมจมูกแตกเลือดโกรกออกมาทันที ที่สำคัญนักชกจีนรายนี้ดีกรีเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่ปักกิ่ง แถมปี 2012 ที่ลอนดอนก็ได้เข้าร่วมแต่แพ้คะแนน “เอเจ” แอนโธนี่ โจชัว ที่ไปต่อจนได้เหรียญทองแบบน่าเสียดาย จึงมีทักษะการชกที่ยอดเยี่ยม ออกหมัดแม่นยำ ไฟต์นี้ออกหมัด “พาวเวอร์ ช็อต” หรือหมัดหนักๆ เข้าเป้าถึง 56% จึงสร้างความบอบช้ำให้โจ จอยซ์ได้ขนาดนี้

ตอนนี้ จางจื้อเหล่ย เลยก้าวขึ้นมาเป็นนักชกตัวหลักในรุ่นเฮฟวี่เวทอีกคน พลังหมัดขนาดนี้ขึ้นชกเมื่อไหร่แฟนๆ ก็อยากดู แม้ว่าจะมีคำถามเรื่องพละกำลัง เพราะไฟต์ก่อนๆ พอเกมยาวยักษ์จีนรายนี้ก็มีอาการ “หมด” ให้เห็น แต่เรียกว่ายกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นนักชกที่ขายได้ในรุ่นไปอีกคนแล้ว จะมีโอกาสได้ขึ้นชิงเข็มขัดโลกเส้นจริงจากยอดมวยยูเครนอย่าง โอเล็กซานเดอร์ อูซิก หรือเปล่า ก็ต้องรอดูต่อไป ตอนนี้อูซิกนั้นคิวยาว ทั้งฟิลิป เฮอร์โกวิซ ผู้ท้าชิงไฟต์บังคับของ IBF, แดเนียล ดูบัวส์ แชมป์โลก “ปกติ” ของ WBA ก่อนจะมาถึงคิวจางจื้อเหล่ย แฟนมวยชาวเอเซียก็ต้องรอกันต่อไปว่าจะมีนักชกเอเซียได้ขึ้นลุ้นแชมป์โลกรุ่นยักษ์หรือไม่ แต่ไฟต์กับ โจ จอยซ์ นี่มี “อ๊อปชั่น” สำหรับแก้มืออยู่ ก็ต้องดูว่าจอยซ์จะขอ “ล้างตา” เลยหรือไม่ ก็ต้องตามข่าวกันอีกที