กูรูมวยแถวหน้าเมืองไทย เชื่อว่า ถึงเวลาแล้วที่ ‘มวยสากลสมัครเล่น’ ต้องใช้เทคโนโลยีช่วยตัดสินสักที หลังเกิดข้อกังขามากมายในศึกโอลิมปิก 2020 ที่เพิ่งจบลงไป
ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่นโอลิมปิกโตเกียวเกมส์ 2020 ที่เผชิญปัญหามากมายตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นโดยที่ยังไม่นับรวมปัญหาการแพร่ระบาดโควิดในช่วงต้นปี2019 โดยก่อนหน้านี้ มวยสากลสมัครเล่นถูกตราหน้าว่าเป็นกีฬาที่หาความยุติธรรมแทบไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นการตัดสินที่วัดกันด้วยสายตากรรมการล้วนๆ
กีฬามวยสากลสมัครเล่นถูกบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกเมื่อปี 1904 ซึ่งเมืองหลุยเซียน่า , สหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในยุคที่วงการมวยเฟื่องฟูในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามหลักการของโอลิมปิกในยุคนั้นห้ามไม่ให้นักกีฬาอาชีพเข้าแข่งขัน จึงใช้ชื่อเรียกว่า มวยสากลสมัครเล่น หรือ Amateur boxing ซึ่งจะชกกัน 3 ยก ยกละ 3 นาที เพื่อให้ต่างจากมวยสากลอาชีพที่ชกกัน 15 ยกในยุคนั้น
โดยมวยสากลสมัครเล่นก็มีวิวัฒนาการณ์มาเรื่อย ในปี 1984 โอลิมปิกที่ลอสแองเจลิส เริ่มมีการให้นักมวยสวมเฮดการ์ดเพื่อป้องกันอันตราย จนมาถึง โอลิมปิก 1988 ที่กรุงโซล เกิดเหตุสะท้านวงการมวยสากลสมัครเล่นครั้งใหญ่ ในการชกระหว่าง รอย โจนส์ จูเนียร์ กำปั้นทีมชาติสหรัฐอเมริกากับ ปาร์ค ซี ฮุน นักชกเจ้าถิ่น ซึ่ง รอย โจนส์ ไล่ขยี้อยู่ข้างเดียวแต่ครบ 3 ยก กรรมการให้ ปาร์ค ซี ฮุน ชนะไปแบบเหลือเชื่อ 3-2 เสียง ท่ามกลางเสียงประนามถึงความไม่ยุติธรรมอย่างมากในกีฬามวยสากลสมัครเล่น
ถึงขนาด อันวาร์ ชอว์ดรี้ ประธาน สหพันธ์มวยนานาชาติหรือ AIBA ในยุคนั้นต้องทำการปฏิวัติระบบการตัดสินครั้งใหญ่ เปลี่ยนจากการให้คะแนนแบบมวยสากลอาชีพมาเป็นให้คะแนนเป็นจำนวนหมัด แต่ก็ยังถูกตำหนิว่ายังไม่โปร่งใสพอ จนเป็นที่มาของการตัดสินแบบเรียลไทม์ มีคะแนนขึ้นจริงตามหมัดที่เข้าเป้าชัดเจน ในโอลิมปิก แอตแลนต้า 1996 ที่จะมีคะแนนขึ้นโชว์ทุกครั้งบนหน้าจอเมื่อนักชกออกหมัดเข้าเป้า ทำให้มวยสากลสมัครเล่นกับมาดูสนุกเป็นที่น่าสนใจอีกครั้ง แม้จะมีปัญหาบ้างว่าหมัดเข้าเป้าแต่แต้มไม่ขึ้นเพราะกรรมการข้างเวทีไม่กดให้
โดยการแข่งขันระบบแต้มเรียลไทม์ถูกใช้มาพักใหญ่จนกระทั่งตำแหน่งประธานไอบา เปลี่ยนมือ ชิง กั๊ว วู อดีต IOC ชาวไต้หวันได้รับเลือกตั้งให้เป็นประธานAIBA คนใหม่ วงการมวยสากลสมัครเล่นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ชิง กั๊ว วู เข้ามารื้อระบบใหม่อีกครั้ง ยกเลิกการสวมเฮดการ์ดของนักมวยชาย แต่นักมวยหญิงยังให้ใส่อยู่ เปลี่ยนการให้คะแนนแบบเรียลไทม์กลับไปให้คะแนนแบบยกละ 10 แต้มแบบมวยสากลอาชีพ รวมถึงยังอนุญาตให้นักมวยสากลอาชีพมาชกมวยสมัครเล่นได้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก
จุดนี้ เหล่าประธานสถาบันมวยโลกอย่าง โฮเซ่ สุไลมาน ประธานสภามวยโลก WBC และ กิลเบอร์โต้ เมนโดซ่า ประธานสมาคมมวยโลก สั่งห้ามนักชกในเครือไปชกมวยสากลสมัครเล่นของ AIBA ถ้าใครไปชกจะถูกปลดออกจากแชมป์หรืออันดับโลกของสถาบันเลยทีเดียว ซึ่งบรรดาเกจิ มวยโลกมองว่า AIBA พยายามจะเข้ามาล้วงลูกธุรกิจ มวยสากลอาชีพ ที่มีเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านต่อปี
ในการแข่งขันโอลิมปิก ริโอ 2016 ที่บราซิล มวยสากลสมัครเล่นกลับมาชกในรูปแบบใหม่ไม่ใส่เฮดการ์ด ให้คะแนนแบบยกละ 10 คะแนน ซึ่งถือว่าขัดต่อหลักการความเป็นจริงของมวยสาลกสมัครเล่นอย่างที่สุด เพราะการไม่สวมเฮดการ์ดเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บของนักมวยมาก การชกมวยสากลสมัครเล่นเป็นการชกแบบทัวร์นาเมนต์นักมวยต้องขึ้นชกถี่ 2-3 วันต่อ 1 ครั้ง ต่างจากมวยสากลอาชีพที่ชกกัน 2-3 เดือนต่อ 1 ครั้ง ซึ่งหากมวยสากลสมัครเล่นมีแผลแตกต่อให้ชนะก็จะถูกห้ามขึ้นชกในไฟต์ต่อไปทันที ทำให้การชกไม่ดุเดือดอย่างที่เคย ส่วนระบบการให้คะแนนแบบ 10 คะแนนต่อยก เหมือนมวยอาชีพที่ชกกัน 10 ยก-12 ยก มันยังมีเวลาแก้ตัวได้ แต่กับการชกมวยสากลสมัครเล่นที่มีแค่ 3 ยก มันทำให้การชกไม่สนุก เพราะหากนักมวยคนได้คนหนึ่งชนะใน 2 ยกแรก จะไม่มีทางแพ้เลยหากไม่ถูกต่อยน็อกในยกสุดท้าย ทำให้การชกขาดสีสันไปพอสมควร
มาจนถึง โอลิมปิกโตเกียวเกมส์ 2020 IOC ตัดสินใจแบน AIBA ออกจากการเป็นผู้จัดมวยสากลสมัครเล่นในโอลิมปิกจากปัญหาคอรัปชั่นแม้ ชิง กั๊ววู จะลาออกไปมีประธานคนใหม่มาแต่ก็ไม่อาจเคลียร์ปัญหาด้านการเงินให้โปร่งใส่ได้ ท้ายสุด IOC เข้ามาบริหารจัดการตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงการแข่งขันในโอลิมปิก ทว่าบุคลากรที่ทำหน้าที่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนของAIBA ตามเดิมทั้งกรรมการ ทั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนอื่น IOC แค่เข้ามาเป็นเฮดบริหารจัดการ โดยการกติกาการแข่งขันก็เป็นไปตามเดิมมีเปลี่ยนแปลงจาก โอลิมปิกครั้งก่อนแค่ มีกรรมการให้คะแนนมากขึ้น จากเดิม 3 คน เป็น 5 คน
โดยรวมแล้วจากการที่ IOC กำชับมากเรื่องการตัดสินให้มีความยุติธรรมที่สุด แต่บางครั้งก็ยังมีการตัดสินที่ค้านสายตาบ้างในบ้างคู่แม้จะไม่ได้โฉงฉางเหมือนโอลิมปิกทุกๆครั้งที่ผ่านมา แต่ก็ด้วยการตัดสินที่มาจากสายตามนุษย์ธรรมดาย่อมมีความผิดพลาดได้เสมอจะด้วยเจตนาหรือไม่เจตนามันไม่มีทางทราบได้ จึงเริ่มมองถึงว่าในชนิดกีฬาอื่นๆซึ่งเคยมีปัญหาเรื่องการตัดสินใจสายตากรรมการ ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส แบดมินตัน หรือ วอลเลย์บอล ก็มีการใช้เทคโนโลยี มาช่วย สามารถชาเลนจ์ดูภาพช้า ดูภาพ ฮอว์คอาย หรืออย่างกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ของโลก ก็ยอมแหวกม่านประเพณี ให้มีการใช้ VAR ใช้ โกลไลน์ มาช่วยกรรมการในสนาม
เทียบเคียงกันแล้วกีฬาต่อสู้ที่เคยถูกประณามว่าเป็นกีฬาโคตรโกงอย่าง เทควันโด้ ที่ในอดีตใช้สายตากรรมการตัดสินเหมือนๆกับมวยสากลกสมัครเล่นนี้แหละและก็โดนถล่มอย่างหนักจนเกือบจะถูกถอดออกจากโอลิมปิก สหพันธ์เทควันโด้โลกจึงแก้ไขปรับปรุงให้มีการนำชุดเกราะไฟฟ้ามาเป็นเครื่องชี้วัดในการตัดสิน รวมทั้งยังมีการให้ โค้ช ชาร์เลนจ์ ขอให้กรรมการดูภาพช้าหากมีการขึ้นคะแนนที่ไม่เป็นธรรมอีกด้วย ทำให้ เทควันโด้ กลับมาดูสนุกกว่าที่เคย
แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ดุเดือดเหมือนยุคก่อนแต่มันก็แลกมาด้วยความยุติธรรมที่ทุกคนยอมรับ
“มวยสากลสมัครเล่น” จึงสมควรแก่เวลาแล้วที่ต้องนำเทคโนโลยีมาช่วยตัดสินให้มีความยุติธรรมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เกราะไฟฟ้าแบบเทควันโด้ หรือการกลับไปใส่เฮดการ์ดที่มีเซนเซอร์ไฟฟ้า หรือวิธีอะไรก็แล้วแต่ที่ใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการตัดสิน เพราะไม่ว่าจะให้กรรมการที่ดีที่สุดมีความยุติธรรมที่สุดมาตัดสินมันก็ไม่มีทางที่จะตัดสินได้ถูกใจแฟนมวยที่ต่างคนต่างมองคนละมุมแน่นอน แต่หากใช้เทคโนโลยีมาตัดสินให้ชัดเจน หมัดไหนได้คะแนนหมัดไหนไม่ได้คะแนน มันน่าจะทำให้การดูมวยสากลสมัครเล่นกลับมาสนุกอีกครั้งอย่างแน่นอน
สุรเดช อภัยวงศ์