รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก


รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    ในที่สุด นักชกมากประสบการณ์แห่งวงการกำปั้นไทยอย่าง “เจ้าสด”ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ก็ทำได้สำเร็จ กับการคว้าโควตาไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงกลางปีนี้ หลังจากคว้าโควตาใบที่ 6 ของรุ่นเฟเธอร์เวท 57 กิโลกรัมชาย ในการแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิกโซนเอเชีย-โอเชียเนีย ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

    จึงเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ที่นักชกชาวจังหวัดสระแก้วรายนี้ คว้าสิทธิ์ไปร่วมแข่งขันในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ต่อจากโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และโอลิมปิก 2016 ที่นครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล 

    อีกทั้ง ยังเป็นการคว้าโควตาไปโอลิมปิก ในรุ่นน้ำหนักที่แตกต่างกันทั้ง 3 ครั้งอีกด้วย ไล่จากรุ่นฟลายเวท 52 กิโลกรัมเมื่อปี 2012, รุ่นแบนตั้มเวท 56 กิโลกรัมเมื่อปี 2016 และรุ่นเฟเธอร์เวท 57 กิโลกรัมในปี 2020

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    อย่างไรก็ตาม การชกในโอลิมปิกที่กำลังจะเกิดขึ้น บนผืนแผ่นดินอาทิตย์อุทัย จะไม่เหมือนกับ 2 ครั้งที่ผ่านมา เพราะศึกโตเกียวเกมส์นี้ จะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย ที่เขาจะขึ้นสังเวียนในฐานะนักมวยสากลสมัครเล่น ก่อนที่จะประกาศแขวนนวมอย่างเป็นทางการ หลังจากรับใช้ชาติมายาวนานถึง 15 ปี

    ย้อนเวลากลับไปในกีฬาโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อ 12 ปีก่อน สมจิตร จงจอหอ สามารถคว้าเหรียญทองในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นฟลายเวท 51 กิโลกรัมชายได้อย่างยิ่งใหญ่ และประกาศอำลาสังเวียนผืนผ้าใบได้อย่างสวยงาม 

    นั่นคือช่วงเวลาที่ทำให้นักชกรุ่นน้อง ที่มีนามว่า ฉัตร์ชัย บุตรดี ที่เปลี่ยนชื่อในภายหลังเป็น ฉัตร์ชัยเดชา ได้ก้าวขึ้นมาเป็นทายาทคนใหม่ ของวีระบุรุษเหรียญทองโอลิมปิก 2008 ในรุ่นเดียวกัน

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    ด้วยปัญหาหลายด้าน ทั้งความขัดแย้งระหว่างสมาคมกำปั้นไทยกับสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ หรือ ไอบา รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาหลายข้อ โดยเฉพาะรูปแบบการให้คะแนนจากการนับตามจำนวนหมัด ไปเป็นการให้คะแนนแบบมวยสากลอาชีพ จึงทำให้นักชกไทยในช่วงหลังๆ รวมไปถึง ฉัตร์ชัยเดชา ด้วย ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเหมือนกับบรรดานักชกรุ่นพี่ในอดีต

    อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางการเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เขาคือนักชกไม่กี่คน ที่รักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม จนไม่มีรุ่นน้องคนใด ก้าวขึ้นมาแทนที่ได้ และติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ไปแข่งขันรายการระดับนานาชาติได้ทุกครั้ง

    แม้จะประสบความสำเร็จ จากการคว้าแชมป์เอเชีย 1 สมัย เมื่อปี 2015 การคว้าแชมป์ซีเกมส์อีก 4 สมัย รวมไปถึงการคว้าเหรียญทองแดงศึกชิงแชมป์โลกเมื่อปี 2013 ที่ประเทศคาซัคสถาน ทว่ามีหลายครั้งที่ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ต้องเผชิญกับปัญหาในชีวิต จนรู้สึกท้อ และมีความคิดที่จะแขวนนวมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    หนึ่งในครั้งที่นักชกวัย 34 รายนี้ เกิดความรู้สึกท้อแม้ในชีวิตมากที่สุด ได้เกิดขึ้นระหว่างการชกในกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่นครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ในไฟต์ที่ชกกับ วลาดิเมียร์ นิคิติน นักชกจากรัสเซีย ในรอบ 16 คนสุดท้าย

    ไฟต์นั้น ฉัตร์ชัยเดชา ที่เตรียมตัวสำหรับโอลิมปิกครั้งดังกล่าวเป็นอย่างดี ชกได้เหนือกว่าทั้ง 3 ยก ทว่าเมื่อการตัดสินออกมา ปรากฏว่าผู้ตัดสินได้ชูมือให้คู่ชกจากรัสเซีย เอาชนะคะแนนไปอย่างค้านสายตา 2-1 เสียง ท่ามกลางเสียงลือเสียงเล่าอ้าง เกี่ยวกับการที่ไอบา ล็อคผลการแข่งขันให้นักมวยรัสเซีย เอาชนะในไฟต์ดังกล่าวไป

    ภายหลังจากตกรอบ 16 คนสุดท้ายในริโอเกมส์แบบน่าเจ็บใจ ได้ทำให้ “เจ้าสด” รู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก เพราะก่อนไปแข่งโอลิมปิก เขาได้ทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ เพื่อคว้าเหรียญโอลิมปิกมาครองให้ได้ แต่สุดท้ายฝันต้องสลายไปในพริบตา ด้วยพิษการตัดสินที่อยุติธรรม

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    ฉัตร์ชัยเดชา ได้กล่าวว่า ความผิดหวังในครั้งนั้นได้ทำให้เขาตัดสินใจที่จะแขวนนวมแล้ว เพราะทำใจยอมรับไม่ได้กับการตัดสินแบบนี้ ทว่าคุณสมชาย พูลสวัสดิ์ ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค สมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ได้ขอให้เจ้าตัวสู้ต่อไป เพราะในช่วงนั้นยังมีอายุเพียง 31 ปี ซึ่งยังสามารถชกได้อีกหลายปี

    สุดท้าย การตัดสินใจชกต่อของเจ้าตัว ที่กำลังจะมีอายุครบ 35 ปี ในวันที่ 26 มีนาคมนี้ นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง หลังจากเพิ่งคว้าโควตาไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้อีกสมัย ซึ่งเป็นการบอกให้กับแฟนกีฬาชาวไทยได้รู้ว่า เขายังมีฝีมือและความกระหายมากพอ ในการไล่ล่าเหรียญโอลิมปิกให้กับประเทศชาติ แม้อายุจะอยู่ในช่วงบั้นปลายของการรับใช้ชาติแล้วก็ตาม

    นักชกพ่อลูกหนึ่ง ได้กล่าวว่า ที่จริงแล้ว ในไฟต์ที่แพ้นักชกเวียดนามจนตกรอบรองชนะเลิศ ของศึกคัดเลือกโอลิมปิก 2020 จนต้องมาชิงโควตาในอันดับที่ 5-6 ได้พูดกับตัวเองว่า หากชวดตั๋วไปโอลิมปิก ก็จะแขวนนวมแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้นักชกรุ่นน้อง ไปชิงโควตาโอลิมปิกในสนามที่ 2 แทน

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

    แต่พอคว้าโควตามาแข่งขันโอลิมปิก 2020 ได้ นับเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะมีนักชกไทยเพียงไม่กี่คน ที่สามารถคว้าโควตาไปแข่งขันโอลิมปิกได้ 3 สมัยติดต่อกัน และจะขอแขวนนวมหลังจากชกโอลิมปิกเกมส์เสร็จทันที เนื่องจากต้องการให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น โดยตอนนี้ภรรยากำลังตั้งท้องลูกสาวคนที่ 2 และจะมีกำหนดคลอดในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงไม่กี่วัน ก่อนที่เขาจะออกเดินทางไปทึกศึกโอลิมปิกโตเกียวเกมส์

    แม้การคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิก จะเป็นภารกิจที่ยากที่สุดในชีวิต แต่การที่ลูกสาวคนเล็ก กำลังจะลืมตามาดูโลก ก่อนที่คุณพ่อจะไปชกในโอลิมปิกเกมส์ไม่กี่วัน จึงทำให้ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี จะมีกำลังใจอย่างดีเยี่ยม ในการไล่ล่าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์หนนี้มาครองให้ได้ 

    ก่อนที่เขา จะปิดฉากประกาศแขวนนวม ยุติเส้นทางการรับใช้ชาตินานกว่า 15 ปี อย่างเป็นทางการ

รถด่วนขบวนสุดท้าย ฉัตร์ชัยเดชา ขออำลาทีมชาติด้วยเหรียญโอลิมปิก

ประวัติ

จ่าสิบเอก ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี

เกิดวันที่ 26 มีนาคม 2528  อายุ 34 ปี

นน. 57 กก. สูง 167 ซม. 

การศึกษา

จบ(ม.6)โรงเรียนปทุมคงคา

จบ(ป.ตรี) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุโขทัย

จบ(ป.โท) หลักสูตร รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต วิทยาลัยทองสุข

ประวัติด้านกีฬา

เหรียญทองแดงมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลกปี 2556 ที่ประเทศคาซัคสถาน รุ่นฟลายเวท 52 กก.ชาย

เหรียญทองมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลกปี 2558 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ประเทศไทย รุ่นเบนตั้มเวท 56 กก.ชาย

เหรียญทองมวยสากลสมัครเล่นไทยแลนด์อินวิเตชั่นแนลบ็อกซิ่งทัวร์นาเมนต์ เมื่อปี 2560 ที่บีจีฮอลล์ ประเทศไทย รุ่นเบนตั้มเวท 56 กก.ชาย

เหรียญทองซีเกมส์ 4 ครั้ง

ปี 2552 ครั้งที่ 25 ประเทศ สปป.ลาว รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก.ชาย

ปี 2556 ครั้งที่ 27 ประเทศเมียนมา รุ่นฟลายเวท 52 กก.ชาย

ปี 2560 ครั้งที่ 29 ประเทศมาเลเซีย รุ่นแบนตั้มเวท 56 กก.ชาย

ปี 2562 ครั้งที่ 30 ประเทศฟิลิปปินส์ รุ่นแบนตั้มเวท 56 กก.ชาย

เหรียญครั้งซีเกมส์ 1 ครั้ง

ปี 2554 ครั้งที่ 26 ประเทศอินโดนีเซีย รุ่นฟลายเวท 52 กก.ชาย

อีกหนึ่งช่องทางในการติดตามข่าวสาร

Add friend ที่ @Siamsport