“บ็อบ แซปป์ vs ไมค์ ไทสัน” : แค้นยาว 20 ปีอาจได้ซัดกันเสียทีตอนอายุ 50 กว่า

เรื่องของวงการหมัดมวยนั้นเปลี่ยนไปเยอะมาก ณ ปัจจุบัน มีการประกบคู่ข้ามวงการให้เราเห็นไม่เว้นแต่ละวัน

และล่าสุด เหมือนเราจะได้ดูการเจอกันที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่ออดีตแชมป์โลกเจ้าของฉายา “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน กับ “เดอะ บีสต์” แห่งวงการ K-1 อย่าง บ็อบ แซปป์ เจ้าของความสูง 196 เซนติเมตร หนัก 149 กิโลกรัม

มองเผินๆก็อาจจะเป็นแมตช์ทำเงินทั่วไป แต่หากไฟต์นี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการได้สะสางแค้นที่ทั้งคู่เคยก่อกรรมร่วมกันเมื่อ 20 ปีก่อน

ติดตามอดีตของทั้งคู่ได้ที่นี่กับ Main Stand

โลกแห่งการต่อสู้ยุคใหม่

มวยสากล เคยเป็นหนึ่งในกีฬาที่ทำเงินมหาศาลมาก่อนในอดีต การชกเพียงไฟต์เดียวอาจมีส่วนแบ่งรายได้กันถึงหลัก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในวันที่มวยแม่เหล็กมาเจอกัน เช่น ไฟต์ที่ ไมค์ ไทสัน ปะทะ อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์, ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า ปะทะ แมนนี่ ปาเกียว หรือแม้กระทั่งคู่ทำเงินคู่ล่าสุดอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ปะทะ แมนนี่ ปาเกียว เป็นต้น 

แต่ปัญหาคือ เมื่อผ่านเข้าสู่ช่วงปลายยุค 2010s มวยแม่เหล็กเหล่านี้ไม่มีใครมารับช่วงต่อ แม้จะมีนักมวยเก่งๆที่ได้รับการยอมรับเช่น เกนนาดี้ “GGG” โกลอฟกิ้น, ซาอูล “คาเนโล่” อัลวาเรซ หรือแม้กระทั่งแก๊งรุ่นยักษ์อย่าง ดีออนเต ไวล์เดอร์, ไทสัน ฟิวรี่ และ แอนโธนี่ โจชัว แต่ปัญหาคือ การประกบคู่ชกแบบทำเงินมหาศาลไม่สามารถเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้จาก 10 ไฟต์มวยสากลที่ทำเงินได้มากที่สุดในรอบ 10 ปีหลังสุดที่ต้องมีชื่อของ ฟลอยด์ และ ปาเกียว เข้ามาเป็น 1 ในคู่ชกทั้งสิ้น 

1ปัญหาดังกล่าวทำให้วงการมวยต้องพยายามหาทางแก้เพื่อดึงความสนใจกลับมาอีกครั้ง นั่นคือการพยายามจัดแมตช์พิเศษขึ้น เช่นการเจอกันข้ามวงการของไอคอนมวยกรงอย่าง คอเนอร์ แมคเกรเกอร์ แชมป์โลก 2 รุ่นของ UFC กับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นไฟต์ที่ได้รับความสนใจอย่างมาก และทำเงินรวมกันไปกว่า 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

เมื่อการซัดกันข้ามวงการเกิดขึ้นและประสบความสำเร็จ ไฟต์ดังกล่าวก็เหมือนกับเป็นต้นเบบของอีกหลายๆไฟต์ตามมา จนกระทั่งมาถึงยุคที่ยูทูบเบอร์จัดแมตช์การชกประกบคู่กับนักสู้อาชีพที่เป็นที่นิยมแบบสุดๆในช่วงปี 2019 เป็นต้นมา ซึ่งไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงของวงการมวยทำให้ยูทูบเบอร์อย่าง เจค พอล ได้ขึ้นไฟต์ชกกับทั้งอดีตนักบาสเกตบอลอย่าง เนต โรบินสัน และอดีตนักสู้ MMA อย่าง เบน แอสเกรน 

โดยในช่วงปี 2021 Sportico เว็บไซต์เกี่ยวกับกีฬาได้รายงานข่าวว่า เจค พอล ที่ไม่ใช่นักชกอาชีพและยังหัดชกมวยได้เพียงแค่ 3 ปี โดยมีอาชีพหลักเป็นยูทูบเบอร์ กลับทำเงินได้จากการชกมวยมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียง คาเนโล่ อัลวาเรซ เท่านั้น 

2สิ่งเหล่านี้ชัดเจนว่า วงการมวยมาถึงขาลงเต็มรูปแบบ แฟนมวยเริ่มบ่นกันว่าถ้าจะต้องดูยูทูบเบอร์มาต่อยกันสู้ให้พวกเขาได้ดูอดีตขวัญใจหรือนักมวยแชมป์โลกมาซัดกันอีกครั้งดีกว่า และนั่นเองเป็นเหตุผลให้เหล่าอดีตนักชกหลายคนกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้ง และหนึ่งในนั้นคือ ไมค์ ไทสัน ที่เป็นคนพูดเองว่าวงการมวยในตอนนี้อยู่ในขาลงถึงขีดสุด ถ้าสร้างไฟต์ที่ทำเงินเรียกกระแสด้วยนักมวยจริงๆไม่ได้ ก็ควรหากลยุทธ์อื่นๆมานำเสนอให้กับคนดูบ้าง 

ไม่ว่า ไทสัน จะพูดเพียงเพราะว่าเขาเห็นตัวเงินหรือเพราะเห็นปัญหาที่ควรแก้ไขจริงๆก็ตาม แต่ที่สุดแล้ว เขาก็กระโดดลงมาเล่นในเกมนี้ด้วยตัวเอง ..

โอกาสแบบนี้ใครจะอยากพลาด? 

ไทสัน กระโดดกลับสู่สังเวียนมวยอีกครั้งในช่วงที่เขามีอายุ 54 ปี และอย่างที่หลายคนทราบกันคือ กว่าที่เขาจะกลับมาตั้งตัวได้ธุรกิจเกี่ยวกับกัญชาถูกกฎหมาย ไทสันมีปัญหามากมายทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องรายได้ที่หดหายไปอย่างมาก 

การเคยลำบากมาก่อนและตกไปถึงจุดต่ำสุดทำให้เขามีบทเรียนครั้งสำคัญ ยิ่งเขาเกิดใหม่จากธุรกิจที่เริ่มจากการมองเห็นโอกาส เขาจึงแทบเป็นคนใหม่เลยในเรื่องของการจัดการและการลงทุนหลังจากเขาอายุ 50 ปี 

3“วงการมวยยุคนี้มันตกต่ำลงเยอะ มันกำลังจะตาย ทุกวันนี้ UFC ได้รับความนิยมมากกว่า และมวยกรงกำลังจะเตะมวยตูดมวยสากลอย่างเมามันเลยล่ะ ผมจะบอกให้” ไทสัน พูดถึงวงการที่เคยทำให้เขาร่ำรวยและมีชื่อเสียง  

ไทสัน เห็นความตกต่ำไปพร้อมๆกับมองเห็นโอกาส เขาได้เห็นเหล่ายูทูบเบอร์อย่าง เจค พอล และ โลแกน พอล พี่ชาย ทำเงินมหาศาลภายในเวลาไม่กี่ปี ดังนั้น เขาจึงคิดว่าตัวเขาเองก็น่าจะทำได้ อย่าลืมว่าไทสันไม่ใช่แค่นักกีฬาเก่า เขาเป็นทั้งนักธุรกิจ เป็นนักแสดง และเป็นคนที่ถูกรู้จักกันอย่างสากล แม้แต่คนไม่เคยดูมวยก็ยังรู้ว่า ไมค์ ไทสัน เป็นใคร ต่อยได้โหดและมีชื่อเสียงขนาดไหนในยุคของเขา .. หลังจากการแขวนนวมไปนานกว่า 20 ปี ใครบ้างที่ไม่อยากจะเห็นเจ้าของฉายา “ไอออน ไมค์” กลับมาชกอีกครั้ง?

ไทสัน เริ่มจากการกลับมาฟิตร่างกายอย่างหนักหน่วง นิตยสาร Men Health เคยนำเสนอว่า การฝึกซ้อมของไทสันอยู่ภายใต้การดูแลของ ราฟาเอล คอร์เดโร่ โค้ชแห่งค่าย Kings MMA ยิมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ที่เคยสร้างนักสู้ดีกรีแชมป์โลกมาแล้วมากมาย

4“ผมเริ่มการซ้อมในแต่ละวันด้วยการคาร์ดิโอ 2 ชั่วโมง แบ่งเป็นการปั่นจักรยานและวิ่งบนลู่อย่างละ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็มายกน้ำหนักเสริมสร้างกล้ามเนื้อแบบเบาๆ 2 เซ็ต 300 กับ 250 ครั้ง แล้วก็ต่อด้วยการชกมวย ลงนวมล่อเป้า 2 เซ็ต 30 กับ 25 นาที” ไทสัน เล่าถึงการซ้อมเบื้องต้นของเขา 

ไทสัน ปล่อยคลิปการลงนวมของเขาลงในโซเชียล หลายคนถึงกับไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือการลงนวมของคนที่ร้างสังเวียนมา 20 ปีและเพิ่งกลับมาซ้อมได้ไม่ถึงปี หมัดของไทสันยังเร็วและหนักหน่วงในระดับที่คนธรรรมดาโดนทีมีสลบเหมือนเดิม แม้จะไม่หนักและเร็วเท่ากับตอนที่เขาคว้าแชมป์โลกในช่วงวัยหนุ่มก็ตาม 

หลังจากฟิตซ้อม ไทสัน ก็เลือกคู่ชกคนแรกของเขาในรอบ 20 กว่าปี ได้แก่ รอย โจนส์ จูเนียร์ อดีตยอดมวยในอดีต เจ้าของแชมป์โลก 4 รุ่นน้ำหนัก แมตช์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2020 และเป็นการเปิดเทรนด์การเอาอดีตนักชกกลับมาต่อยกันอีกครั้งอย่างแท้จริง เพราะไฟต์ดังกล่าวสามารถทำเงินจากการถ่ายทอดสดแบบ Pay Per View ถึง 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าตอนที่ไทสันชกสมัยเป็นแชมป์โลกด้วยซ้ำ .. และที่ไม่น่าเชื่อคือ ไฟต์ดังกล่าวเป็นไฟต์มวยสากลที่ทำเงินได้มากที่สุดในปี 2020 

5การเปิดโลกจัดมวยแมตช์พิเศษเช่นนี้เป็นที่นิยมไปทั่วโลก มวยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเฉพาะนักกีฬาอาชีพเท่านั้น มันคือความบันเทิงเต็มรูปแบบที่สามารถเอา ยูทูบเบอร์ ดารา นักกีฬาประเภทอื่นๆ ขึ้นมาชกทำเงินได้ทั้งนั้น 

แน่นอนว่าไทสันไม่มีทางหยุดง่ายๆกับโอกาสทำเงินแบบนี้ เขากำลังทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดมากที่สุดอีกครั้งด้วยการท้าชกกับ บ็อบ แซปป์ ยักษ์ใหญ่ที่ผ่านวงการกีฬาอาชีพมาทั้ง อเมริกันฟุตบอล, มวยปล้ำ, MMA, คิกบ็อกซิ่ง และเป็นนักแสดงประกอบในหนังระดับฮอลลีวูดหลายๆเรื่อง .. และบังเอิญว่าคู่นี้มีประวัติกันมาก่อน นั่นจึงทำให้มีประเด็นมากมายเกิดขึ้น

ล้างแค้น 20 ปีไม่สาย 

ย้อนกลับไปในช่วงปี 2003 บ็อบ แซปป์ ถือเป็นหนึ่งในนักมวยคิกบ็อกซิ่งชื่อดังด้วยลีลาการสู้แบบยักษ์ปักหลั่นสูง 196 เซนติเมตร หนักเกือบ 149 กิโลกรัม เรียกได้ว่ามีไม่เยอะนักสำหรับนักคิกบ็อกซิ่งไซซ์นี้ 

ตัวของ แซปป์ เองก็มีเครื่องหมายการค้าที่เป็นมวยปากดี พูดเก่ง ออกสื่อเป็น เขาจึงได้ความสนใจจากสื่อและมีแฟนคลับจำนวนไม่น้อย แต่บังเอิญว่าความสนใจนั้นดันไม่เท่ากับที่ ไมค์ ไทสัน ได้รับ และ บ็อบ แซปป์ ก็ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ จนกระทั่งในศึก K-1 ไฟต์พิเศษที่จัดขึ้นที่ลาสเวกัส ในปี 2003 การท้ารบระหว่าง แซปป์ และ ไทสัน ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันนั้น 



ในคืนวันนั้น แซปป์ ต้องชกกับ คิโม เลโอโปลโด อดีตแชมป์ UFC ในไฟต์ดังกล่าวแซปป์เหนือชั้นกว่าด้วยพละกำลังเอาชนะไปขาดลอยเกินคาด และบังเอิญว่าในไฟต์นั้นมี ไมค์ ไทสัน เป็นผู้ชมอยู่ด้วย แซปป์มองเห็นไทสันและเริ่มตะโกนท้าทายว่า “ถ้าไอ้คนที่นั่งดูอยู่ที่บังเอิญชื่อว่า ไมค์ ไทสัน คิดว่าจะเอาชนะผมได้ ผมรบกวนให้คนๆนั้นเดินขึ้นเวทีมาหน่อย จะให้ผมซัดเขาต่อทันทีเลยก็ยังได้” 

ไทสัน ในตอนนั้นที่วางมือมาใหม่ๆเดินขึ้นเวทีตามคำเรียกร้องและดูเหมือนว่าจะพร้อมประจันหน้า เพียงแต่ว่ากรรมการและสื่อได้ห้ามไว้ ทั้งสองทำได้เพียงแค่ท้าทายกันไปมา โดยไทสันก็ตอบโต้หลังจากโดนหยามก่อนว่า “ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามาเลย ฉันจะชกกับแกภายใต้กฎ Marquess of Queensbury (กฎมวยสากล)”  

แซปป์ ได้ทีรีบตอบกลับว่า “เยี่ยม นั่งลงแล้วเซ็นสัญญายืนยันคำพูดกันก่อนดีไหมพี่ชาย?” .. ไทสันยักคิ้วและยิ้มให้ เขาไม่สามารถเซ็นสัญญาด้วยได้ เพราะตอนนั้นเขามีปัญหาเรื่องคดีต่างๆที่ล้อมรอบตัวไปหมด แต่ไทสันยืนยันว่าถ้าสู้กันด้วยกติกาสากลล่ะก็เมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น แม้ว่าเขาจะแขวนนวมไปแล้วก็ไม่มีปัญหา 

7เรื่องดังกล่าวได้รับการติดตามข่าวและพยายามผลักดันกันอย่างเต็มที่ ใครบ้างจะไม่อยากดูศึกยักษ์ชนยักษ์ โดยในปี 2004 มีการพยายามทาบทามทั้งคู่ให้ขึ้นชกในรายการ K-1 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนนั้นไทสันเองก็เหมือนจะตอบรับทุกข้อเสนอให้ชกแบบ K-1 ก็ได้ แม้จะมีโปรแกรมการประกบคู่เกิดขึ้นแล้ว แต่ปัญหาคือไทสันไม่สามารถบินไปประเทศญี่ปุ่นได้เนื่องจากวีซ่าของเขามีปัญหา เพราะเขาเองยังมีสถานะอาชญากรจากคดีที่ยังสะสางไม่เสร็จ .. ซึ่งหลังจากนั้น การชกกันของทั้งคู่ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย เพราะอย่างที่หลายคนรู้กัน ไทสันเอาเวลาไปใช้กับคุกตารางและศาลอยู่บ่อยครั้ง จนชื่อของเขาค่อยๆหายไปจากวงการมวย 

ย้อนกลับมาถึงปัจจุบันในวันที่วงการมวยเปลี่ยนเทรนด์ไป บ็อบ แซปป์ ที่ได้ฉายาว่า “เดอะ บีสต์” ก็ประกาศท้ารบอีกครั้งเมื่อเขาได้รู้ว่า ไทสัน สามารถขึ้นสู้บนเวทีได้ โดย แซปป์ อยู่ใต้สัญญากับ Rizin Fighting Federation ก็อยากที่จะได้แมตช์ทำเงินดีๆแบบนี้สักครั้ง หลังพลาดมา 1 รอบแล้วในอดีต 

ขณะที่ฝั่งของ ไทสัน เองก็กำลังติดใจกับการกลับมาชกมวยอีกครั้งเพราะเงินดีและไม่ได้หนักหนาอะไรมากมาย เดิมทีคู่ชกที่เขาคาดเอาไว้คือ โลแกน พอล, อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ และลือกันไปไกลจนถึง ไทสัน ฟิวรี่ แชมป์โลกเฮฟวี่เวตปัจจุบัน แน่นอนว่าจากรายชื่อทั้งหมดมันข้ามชื่อของ บ็อบ แซปป์ ไป นั่นทำให้เขาต้องมีบทขึ้นมาบ้างสำหรับไฟต์ต่อไปที่กำลังจะมีการหาตัวชกในเร็วๆนี้

8“ไอ้พวกนี้มองข้ามหัวผมไปหมด อย่าได้ดูถูกพวกเขาล่ะ พวกมันมีแผนในหัวตลอดแหละ ทั้งหมดก็เพราะต้องการจะหลบคนอย่างผมที่กำลังฟิตปั๋งอยู่ .. ไทสันกลัวจนฉี่จะราดถ้าต้องชกกับผม เชื่อไหมผมเคยคุยกันเรื่องขึ้นชกแล้ว เขาก็เฉไฉขอขึ้นค่าตัวจาก 10 ล้านเป็น 20 ล้าน จากนั้นก็ไปต่อถึง 50 ล้านดอลลาร์ .. มันไม่เคยจะมองกันที่การชกจริงๆสักทีหรอก เพราะผู้จัดการของไทสันรู้ดีว่านักมวยของเขามันหมดสภาพแล้ว ทางเดียวจะทำเงินได้คือต้องชกให้ชนะ ซึ่งผมไม่น่าจะเป็นคนที่เขาทำแบบนั้นด้วยได้” 

“ไอ้หมอนี่กลัวผมจริง กลัวแบบขึ้นสมองเลย ไม่ว่าจะด้วยหน้าตารูปร่างและความฟิตของผม เขากลัวมันจริงๆ ทั้งๆที่มีข้อเสนอมากมาย ใครๆก็อยากดูการชกระหว่าง บ็อบ แซปป์ กับ ไมค์ ไทสัน ทั้งนั้นแหละ” บ็อบ แซปป์ กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ 

9แม้ บ็อบ แซปป์ จะมีอาชีพนักสู้ที่ประสบความสำเร็จ แต่อย่างที่เรารู้กัน ในช่วงเวลาของเขาก็ไม่มีนักสู้บนเวทีไหนจะได้รับการยกย่องเท่า ไทสัน ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นปมติดใจแซปป์มาโดยตลอด เขาอยากจะดังและร่ำรวยมากกว่านี้ตั้งแต่ยังหนุ่ม และเขาคิดว่าตัวเองเหนือกว่าไทสันมาตลอดจนถึงทุกวันนี้  

ซึ่งดูจากทิศทางของการให้ข่าวของ แซปป์ และเว็บไซต์กีฬาต่างประเทศหลายๆเจ้าก็เริ่มเขียนถึงไฟต์ดังกล่าว และมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นแบบติดๆกัน ที่น่าเซอร์ไพรส์คือ มีบางแหล่งข่าวบอกว่าอาจจะมาชกกันที่ประเทศไทยด้วย

จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่? แซปป์ จะได้เคลียร์ข้อข้องใจเมื่อไหร่? เร็วๆนี้คำตอบคงจะชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอน