เรื่องราวของหมัด มวย ในความเป็นจริง นับว่ามีมนต์เสน่ห์ในตัวอยู่ไม่น้อย หากคุณได้สนใจหรือติดตามอย่างจริงจัง ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ก่อนจะเกิดการชกครั้งสำคัญๆ ในเสี้ยวหนึ่งประวัติศาสตร์
คำว่า “ซุปตาร์” หรือ ดารา ที่จะมาเกิด คุณเคยฉุกคิดหรือไม่ นอกจาก จะมีความสามารถ มีวินัย และ พรสวรรค์ ติดตัวด้วยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือจังหวะ และ โอกาส อันเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งมาจาก “ผู้สนับสนุน” ที่หยิบยื่นให้
ในการกรุยทางหวังสร้างแชมป์โลกชาวไทย ในสาย WBC เมื่อราวๆ 40 ปีก่อน หลังจาก “บิ๊กอึ่ง” สมภพ ศรีสมวงศ์ และผู้ช่วยคนสนิทอย่าง มิสเตอร์ เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา ชาวศรีลังกา จะช่วยกันผลักดันจน พเยาว์ พูลธรัตน์ กลายเป็นแชมป์โลก(คนที่ 7) ในปลายปี พ.ศ.2526 ได้สำเร็จแล้ว
“เชาวลิต ศิษย์พระพรหม” นักมวยไทยระดับ ไอ้แอ้ด นักล่าเงินรางวัลจากย่านตะวันออก ก็ถูกจับมาสวมชื่อติดรองแชมป์โลก พิกัด 108 ปอนด์ แทนที่ มันส์ ส.จิตรพัฒนา ซึ่งไปๆมาๆ ผิดเพี้ยนจนกลายเป็น “สด จิตรลดา” ในที่สุด (รายละเอียด กรุณาตามอ่านย้อนหลังที่ผ่านมา เพราะจำไม่ได้แล้ว เขียนทิ้งไว้นานเกิน)
นอกจาก “กระดูกมวยไทย” ที่คนทำมวยสากลอาชีพสมัยก่อน จะมองเป็น ประเด็นแรกแล้ว สด ยังมี ดีกรี แชมป์มวยสมัครเล่น รุ่นฟลายเวต ประเทศไทย ในปี พ.ศ.2523 ที่ จ.ขอนแก่น เป็น ชอยส์ (choice)ที่สองให้ต้องเลือก มาสวมรองเท้าชกมวยอาชีพ เร่งเรียนลัดกันตั้งแต่ปี 1983 ปีเดียว ชนะ 4 ไฟต์รวด รุ่งขึ้นข้ามปีได้รับการอวยส่งโดยการรับรอง ของ โฮเซ่ สุไลมาน ประธานใหญ่สภามวยโลก บินลัดฟ้าข้ามอ่าวตังเกี๋ย ไปชิงแชมป์โลก WBC ที่ ปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ กันเลยทีเดียว
“บังเชาว์” หรือ สด เป็นนักชกมุสลิม นับถืออิสลามเหมือน อาจารย์สุดใจ สัพพะเลข ผู้เป็นเทรนเนอร์คู่บารมี และยังมี ชาร์ล แอตคินสัน ฝรั่งที่ บิ๊กอึ่ง ดึงมาจากอังกฤษเป็นสต๊าฟเพราะต้องการให้การทำมวยค่าย “ส.จิตรลดา” มีภาพลักษณ์เป็น “อินเตอร์” เนื่องด้วยยุคสมัยนั้นคนไทยเห่อทุกอย่างที่เป็นของฝรั่ง ต้องตามอย่างทั้งหมดจึงจะสวยงามหมดจนน่าเชื่อถือ
การชกวันนั้น แม้จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม วันที่ 31 ปี พ.ศ.2527 แต่สภาพอากาศยังคงหนาวเฉียบมีหิมะตกหนักปกคลุมไปหมดทั่วเกาะเกาหลี ตัว สด เองโดยพื้นเพเป็นมวยรุ่นฟลายเวต (112 ปอนด์) ยังต้องรีดลดทำน้ำหนักลงมาชกในพิกัด 108 ปอนด์ (ไลท์ฟลายเวต) แบบรวบรัด แถมยังเกือบตกตาชั่งก่อนวันชก ต้องโดดเชือก รีดลดอบซาวน่ากันจ้าละหวั่นหลายชั่วโมง ท่ามกลางอากาศหิมะขาวโพลน(ด้านนอกอาคาร) เป็นใครเห็นสภาพก็คงทำนายผลได้ล่วงหน้า ว่าไม่น่าจะรอด ?!?!
ศึกชิงแชมป์โลก ครั้งนี้ จึงไม่มีการ ถ่ายทอดสด (ช่อง 7 สี) กลับมาให้ดูฟรี แต่อย่างใด !!
ทั้งนี้เพราะเจ้าของตำแหน่งคือ “ชาง จุง คู” นักชกขวัญใจแดนอารีดัง ซึ่งต้องเข้าใจท้าวความตามประวัติศาสตร์สักนิดว่า ในยุคนั้น หลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 ต่อเนื่องด้วยสงครามเกาหลี(เหนือ-ใต้)สงบ จึงเข้าสู่ยุคสร้างชาติ ความเป็น”ชาตินิยม”จึงรุนแรง ถึงเสียงปืน ทางการเมืองจะดับ แม้จะเป็นเรื่องกีฬา แต่ถ้าระดับชาติแล้ว ว่ากันว่า นักมวยเกาหลียอมสู้ตายคาเวที เหมือน คิม ดุ๊ก คู คราวโดน เรย์ “บูม บูม” แมนซินี่ ถลุงสิ้นชีพ เมื่อปี 2525 (จนต่อมามีการลดกำหนดชิงแชมป์โลกจาก 15 ลงเหลือ 12 ยกในปัจจุบัน)
… ตายไปเลยยังจะดีกว่าขอยอมแพ้คู่ต่อสู้ แบบหมดศักดิ์ศรี คนเกาหลีคิดอย่างนั้น !!
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยาก ที่ นักชกคนใด ไม่ว่า แชมเปี้ยนต่างชาติหรือผู้ท้าชิง จะไปคว้าชัยบนดินแดนเกาหลีได้ง่ายๆ เกาหลีใต้ จึงได้ชื่อว่า เป็น “ดินแดนสุสานแชมป์โลก” สืบเนื่องกินระยะเวลายาวนานหลายสิบปี จะด้วยเล่ห์ หรือ กลโกง ใดๆ แม้ในมหกรรมกีฬาอย่าง เอเชียนเกมส์ ไปจนถึง โอลิมปิก 88 ดินแดนอารีดังแห่งนี้ สร้างตำนานไว้ให้โลกกล่าวขาน และจดจำ ชนิดสาปแช่งกันไปจนตาย
สำหรับ สด จิตรลดา ไม่เพียงแต่ความยากลำบากจากตัวเอง ที่สำคัญตามปูมประวัติคู่ชก “ไอ้เหยี่ยว” ชาง จูงคู หลังชิงแชมป์โลกครั้งแรกผิดหวัง พ่ายคะแนน ฮิลาริโอ ซาปาต้า แชมป์โลกชาวปานามา ทว่าอีกหกเดือนต่อมา ชาง ก็สางแค้นได้สำเร็จ เมื่อ ซาปาต้า ได้ฉายา “ไอ้ลูกทรพี” เพิ่งออกจากคุกมาหมาดๆหลังเตะแม่บังเกิดเกล้า หอบเอาเข็มขัด WBC 108 ปอนด์เส้นนี้มาให้ ไอ้เหยี่ยวได้รีบแก้มือ และถูกทุบง่อยกระรอกไปเพียงแค่ยกที่ 3
ชาง จูงคู จึงกลายเป็นแชมเปียนโลกขวัญใจ และกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานตลอดกาลของมวยเกาหลีจนถึงปัจจุบัน แต่ก่อนหน้านั้น หลังทุบ มาซาฮารุ อินามิ (ญี่ปุ่น) ยก 2 และ ต้อนแต้มขาดลอย เยอรมัน ทอร์เรส (เม็กซิกัน) ทีมงานโสมขาว เริ่มเรียนรู้ระบบธรรมเนียมการจัดมวยระดับโลก พร้อมๆกับดึงมวยโนเนม จากเมืองไทยไปป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 3 ให้กับไอ้เหยี่ยว “ชาง จูงคู”
โดยหารู้ไม่ว่า มวยใหม่ไก่อ่อนถึงประสบการณ์น้อย คือผู้จะมา เขย่าบัลลังก์โลก ซึ่งต่อมาได้ฉายาว่า “ฉลามหน้าหยก” นักชกหนุ่มจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาผู้นี้ จะมาสร้างวีรกรรมเป็น”หอกข้างแคร่” และสร้างผลงานบันลือโลก หรือ สร้างความอัปยศให้กับวงการมวยโลก ไว้อย่างไร..??
ขอได้โปรด รอติดตามในตอนต่อไป สวัสดี
เรียบเรียงโดย : สอดสร้อย สาวสังเวียน