อ.เค๊กชี้มวยโอลิมปิกหนนี้ใครฝีมือดีเบาใจได้

รองศาสตราจารย์ ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการจัดมวยโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” ที่แต่งตั้งขึ้นโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC)  ให้ตนทำหน้าที่เป็นกรรมการผู้ประเมินกรรมการผู้ตัดสินและกรรมการผู้ชี้ขาดมวยสากลรอบคัดเลือกโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” นั้น ตนจะต้องออกเดินทางไปทำหน้าที่ในรอบคัดเลือกที่เหลือถึง 2 ทวีปติดต่อกัน โดยรายการแรกรอบคัดเลือกโซนอเมริกา ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ระหว่าง 10-16 พ.ค.นี้ โดยจะออกเดินทางวันที่ 4 พ.ค.นี้

“อ.เค๊ก” กล่าวต่อว่า จากนั้นหลังจบศึกรอบคัดเลือกโซนอเมริกา ตนเองจะเดินทางต่อไปทำหน้าที่ในรอบคัดเลือกโซนยุโรปทันที ซึ่งจะมีขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง 4-8 มิ.ย.นี้ โดยจะต้องเดินทางไปรับการกักตัวจนถึงวันทำหน้าที่ในฝรั่งเศส และจะเดินทางกลับถึงประเทศไทยวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยมีผู้ประเมินผู้ชี้ขาดและผู้ตัดสินที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากลหรือ IOC จำนวน 16 คนจากทั่วโลก ส่วนในรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ที่เก็บตกนักชกจากทั่วโลกมาแย่งตั๋วโอลิมปิกใบสุดท้ายนั้น ได้ยกเลิกไป แล้ว จะใช้อันดับที่จัดโดยคณะกรรมการเฉพาะกิจมวยโอลิมปิกของ IOC หรืออันดับ BTF คัดนักมวยไปแทน ซึ่งล่าสุดนักมวยไทยก็หมดคู่แข่งไปอีก 1 ชาติ เนื่องจากเกาหลีเหนือถอนตัวไม่เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 เรียบร้อยแล้ว

สำหรับการทำหน้าที่คณะกรรมการประเมินกรรมการผู้ตัดสินและกรรมการผู้ชี้ขาด “อ.เค๊ก” กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะทำหน้าที่ประเมินการทำหน้าที่ของกรรมการบนเวที และกรรมการให้คะแนนการชก ซึ่งในการให้คะแนนของกรรมการแต่ละคนนั้น คณะกรรมการประเมินฯ จะมีการให้คะแนนการชกแต่ละยก แต่ละคู่ไปด้วย เพื่อนำมาเทียบกัน จากนั้นจะนำมาพิจารณาในแต่ละคู่ หากมีกรรมการคนใดให้คะแนนผิดปกติ ก็จะมีการสอบสวน หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันก็จะคัดเลือกกรรมการที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด มีอันดับดีที่สุด ในการประเมินให้คะแนน ไปทำหน้าที่ในกีฬาโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” ระหว่าง 8 ก.ค.-23 ส.ค.นี้ นอกจากนั้นก็ยังมีคณะกรรมการอีกชุดหนึ่ง ทำหน้าที่ประเมินการทำงานของคณะกรรมการผู้ประเมินผู้ตัดสินและผู้ชี้ขาด เพื่อคัดเลือกไปทำหน้าที่ต่อใน “โตเกียวเกมส์” ด้วย ซึ่งตนตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อจะได้รับการคัดเลือกไปโตเกียวเกมส์

“อ.เค๊ก” กล่าวต่อว่า การที่ IOC ทำงานในระบบนี้ ทำให้ผู้ชี้ขาดบนเวที และกรรมการให้คะแนน ระมัดระวังมาก ไม่กล้าหือแน่ และใน “โตเกียวเกมส์” ก็ใช้ระบบเดียวกัน ทำให้เชื่อถือได้ว่า การตัดสินมวยในกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ โปร่งใส ยุติธรรม ซึ่งในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา ทั้งโซนเอเชีย โซนแอฟริกา การแข่งขันกว่า 95% อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ดังนั้นการไปชกในโอลิมปิกครั้งนี้ หากนักมวยมีฝีมือดีจริงก็มีลุ้นเหรียญ ไม่ต้องห่วงเรื่องการตัดสิน และเชื่อว่านักชกไทยมีความหวังมากขึ้น

ขณะเดียวกัน “อ.เค๊ก” กล่าวว่า เมื่อ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา นักชกทีมชาติไทยที่คว้าตั๋วไปโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” ทั้ง 4 คน คือมวยชายรุ่นฟลายเวต (51 กก.) ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด, รุ่นเฟเธอร์เวต (57 กก.) ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี, มวยหญิงรุ่นไลต์เวต (60 กก.) สุดาพร สีสอนดี และรุ่นเวลเตอร์เวต (69 กก.) ใบสน มณีก้อน ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกที่ รพ.ตำรวจ จากนั้นบินกลับไปซ้อมต่อที่เกาะสมุย จนถึงวันที่ 11 เม.ย.นี้ แล้วกลับมาซ้อมต่อเนื่องที่ศูนย์ฝึกมวยทีมชาติ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี