โดยไอโอซี หรือ คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่สยายปีกเข้ามาควบคุมการแข่งขันมวยสากลเอง ไม่ปล่อยให้องค์กรกำกับดูแลอย่าง “ไอบา” หรือสหพันธ์มวยนานาชาติ ดำเนินการ ซึ่งไอโอซีโดดเข้ามาดูตั้งแต่ปี 2019 ทั้งกดดันให้ไอบาปรับปรุงองค์กร เคลียร์ปัญหาต่างๆทั้งงบประมาณ การตัดสินที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม และการดำเนินงานให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ อันมีไม้เด็ดกับการขู่ถอดมวยสากลออกจากกีฬาโอลิมปิก
แม้ไอบาจะแต่งตัวใหม่ ปรับโครงสร้าง มีการเลือกตั้งใหม่ ก็ยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ และล่าสุดที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นการวางระเบียบคัดเลือกนักมวยโอลิมปิกเข้าสู่ “ปารีส 2024” ใหม่ โดยคณะกรรมการบริหารไอโอซี เห็นชอบในระบบที่จะใช้การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ตรงของแต่ละทวีป ซึ่งมีการจัดมหกรรมกีฬาของแต่ละโซน และแต่ละชาติก็ส่งแข่งในนามทีมชาติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น แพน-อเมริกันเกมส์ 2023 ที่ประเทศชิลี ในโซนอเมริกาใต้, ยูโรเปียนเกมส์ 2023 ที่โปแลนด์ ของยุโรป, แปซิฟิกเกมส์ 2023 ที่หมู่เกาะโซโลมอนของกลุ่มแปซิฟิก และทวีปเอเชียเรา ก็ใช้เอเชียนเกมส์ หางโจว 2022 ที่ขยับไปแข่งปีหน้า
ส่วนจำนวนในแต่ละเกมยังไม่ได้ประกาศ ออกมาชัดเจน ว่าจะคัดเฉพาะแชมป์หรือรอบไหนด้วย รวมถึงไอโอซียังระบุจะมีคัดในรอบระดับโลก อีก 2 ครั้ง ช่วงปี 2024 ก่อนปารีสเกมส์จะมีขึ้น
แน่นอนเมื่อออกมาเช่นนี้ ทั้งไอบาเองก็มีปฏิกิริยา โดยเฉพาะการคัดในระบบดังกล่าวจะต้องกระทบถึงโปรแกรมและการแข่งขันรายการต่างๆของไอบาตั้งแต่นี้ไปจนถึงโอลิมปิก 2024 อย่างแน่นอน ในส่วนไอบาเองก็จะมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ซึ่งคนปัจจุบัน อูมาร์ เครมเลฟ ชาวรัสเซีย ก็ยังจะลงแข่งขันอยู่ และเมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.ย. ก็เพิ่งมีการพบปะกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ในการเปิดศูนย์มวยสากลนานาชาติ ในกรุงมอสโก
ซึ่งก็น่าสนใจไม่น้อย ไอบาตอนนี้ที่ปรับปรุงระดับหนึ่งแล้ว และมีพัฒนาการ แต่ด้วยประธาน และสปอนเซอร์หลักเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย จะมีประเด็นการเมืองระหว่างประเทศที่ร้อนระอุเข้ามาเกี่ยวในทางอ้อมกับอนาคตของไอบาและกีฬามวยสากลด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องดูกันต่อไป
ในส่วนของการคัดมวยโอลิมปิก ซึ่งไทยเราก็ถือเป็นกีฬาแห่งความหวังในทุกครั้ง เมื่อเกมเปลี่ยน แผนก็ย่อมต้องเปลี่ยน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นการขยับหรือปรับแต่งอะไรออกมาจากสมาคมกีฬามวยฯ
สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ คือความสำคัญของทีมมวยไทยในกีฬาเอเชียนเกมส์ หางโจว ปีหน้าด้วยไม่ใช่เพียงผลงานเอเชียนเกมส์ มีเงินอัดฉีดจากภาครัฐตามระเบียบ แต่ยังรวมถึงโควตาโอลิมปิกบวกเข้าไปโดยอัตโนมัติ!
เมื่อเอเชียนเกมส์ครั้งก่อน ที่อินโดนีเซีย ปี 2018 เราส่งครบ นักมวยชาย 7 รุ่น และหญิง 3 รุ่น ได้มา 1 เหรียญเงิน กับ 5 เหรียญทองแดง ขณะที่โอลิมปิกโตเกียว 2020 เราได้โควตาไป 4 รุ่น ชาย 1 หญิง 3 ได้มา 1 เหรียญทองแดง จากมวยหญิง “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี
มวยสากลของไทยเราพัฒนาขึ้นหรือลง และทิศทางดูโอกาสที่มากกว่ากำลังมุ่งไปที่มวยหญิง เราพอใจกับกีฬาหลักแต่โบราณชนิดนี้ของเราหรือไม่ เราพอใจกับการทำงานของสมาคมกีฬามวยฯในระยะหลังๆหรือไม่ ซึ่งมีนายกสมาคมชื่อ พิชัย ชุณหวชิร มาตั้งแต่ปี 2556 และเราไว้วางใจ เชื่อมั่นฝีมือกันรึเปล่า
เหรียญทองมวยโอลิมปิกคนสุดท้ายของเรา สมจิตร จงจอหอ ได้มาเมื่อปี 2008 ส่วนเอเชียนเกมส์ วุฒิชัย มาสุข ได้เหรียญทองมวยเอเชียนเกมส์หลังสุดเมื่อปี 2014
เกมเปลี่ยน แล้วเราเปลี่ยนเพื่อโอกาสที่มาก ขึ้นหรือยัง…
“เบี้ยหงาย”