นักชกจากแดนน้ำหอมถึงกับงงปนอารมณ์เสีย หลังถูกผู้ตัดสินปรับแพ้ เพราะมองว่าเจ้าตัวพยายามใช้หัวโขกคู่แข่ง ทำให้ตัดสินใจนั่งประท้วงข้างเวทีนานเกือบครึ่งชั่วโมง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันมวยสากลโอลิมปิก 2020 เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในรุ่นซุปเปอร์เฮฟวีเวต รอบ 8 คนสุดท้าย ระหว่าง มูรัด อาลีเยฟ นักชกชาวฝรั่งเศสเชื้อสายรัสเซีย พบกับ เฟรเซอร์ คลาร์ก กำปั้นรุ่นยักษ์จากสหราชอาณาจักร
ปรากฏว่าในช่วงไม่กี่วินาที ก่อนหมดยกที่ 2 ผู้ตัดสิน แอนดี มุสตาคคิโอ ตัดสินใจสั่งยุติการชก ก่อนปรับแพ้ อาลีเยฟ เนื่องจากมองว่าจงใจเฮดบัตต์ใส่คู่แข่ง จนทำให้ คลาร์ก มีแผลแตกที่บริเวณใต้ตาถึง 2 ข้าง และผู้ตัดสินก็ได้เตือน อาลีเยฟ เรื่องการใช้หัวไปแล้วก่อนหน้านี้หนึ่งครั้ง
ซึ่งหลังโดนปรับแพ้ นักชกจากแดนน้ำหอมไม่พอใจอย่างหนัก ตะโกนโวยวายออกไปดังๆ ว่า “ทุกคนรู้ว่าผมเป็นผู้ชนะ” ก่อนจะคายฟันยางทิ้ง และเตะออกไปนอกเวทีเพื่อเป็นการระบายอารมณ์ รวมถึงไล่ทุบกล้องถ่ายทอดสดอีกด้วย
นอกจากนี้ อาลีเยฟ ยังนั่งอยู่ข้างเวทีนานเกือบครึ่งชั่วโมง เพื่อเป็นการประท้วงคำตัดสินดังกล่าวด้วยเช่นกัน
“นี่เป็นวิธีของผม ที่จะแสดงออกให้เห็นว่าการตัดสินมันไม่ยุติธรรม ผมต้องการสู้กับความอยุติธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้ววันนี้เพื่อนนักชกฝรั่งเศสของผมหลายคน ก็ได้รับการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเช่นกัน ผมฝึกซ้อมมาทั้งชีวิตเพื่อสิ่งนี้เหรอ?”
“ที่ผมมานั่งอยู่ตรงนี้ เพราะการตัดสินของคนคนเดียว (ผู้ตัดสินชี้ขาด) นั่นทำให้ผมแพ้ และทุกอย่างก็จบลง ผมอาจจะชนะก็ได้ แต่มันถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าผมจะถูกปรับแพ้ ผมเตรียมตัวมาทั้งนี้ชีวิตเพื่อการแข่งขันนี้ ดังนั้นการโมโหเกี่ยวกับผลการตัดสิน มันจึงเป็นเป็นปกติ” อาลีเยฟ กล่าว.
