เปิดประวัติ “โนแอล กรองด์ชอง” นักสู้ลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ขวัญใจคนใหม่แฟนมวย ONE

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทำความรู้จักนักกีฬาดาวรุ่งพุ่งแรงเจ้าของฉายา “Lil’ Monkey (เจ้าลิงน้อย)” โนแอล กรองด์ชอง สาวลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศสวัย 26 ปี ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างปังด้วยการแจกน็อกคู่แข่งประเดิมชัยแรก ในศึก ONE FIGHT NIGHT 3 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยฟอร์มของ “โนแอล” ยังไปกระแทกตาบิ๊กบอส ONE “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” จนต้องควักกระเป๋าแจกโบนัส 50,000 ดอลลาร์ (เกือบ 1.9 ล้านบาท) ให้กลับบ้านไปด้วย ส่งให้เธอกลายเป็นนักสู้สาวขวัญใจแฟนมวย ONE เป็นที่เรียบร้อย

วันนี้ เราจะย้อนดูเรื่องราวชีวิตโดยย่อของ “โนแอล” ว่าก่อนที่เธอจะก้าวสู่เวทีระดับโลก ONE นั้นเธอเป็นใครมาจากไหน



– เด็กสามวัฒนธรรม

“โนแอล” ลืมตาดูโลกในปี พ.ศ.2539 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์โดยมีคุณพ่อเป็นชาวดัตช์และคุณแม่ชาวไทย ก่อนจะย้ายถิ่นฐานมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่เธออายุได้ 9 ขวบ และย้ายมาอยู่เมืองไทยในปัจจุบัน เธอจึงเติบโตมาในสิ่งแวดล้อม 3 วัฒนธรรมและทำให้เธอปรับตัวได้เก่ง



– พ่อคือครูคนแรก

“โนแอล” เกิดมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นนักกีฬาการต่อสู้หลายแขนงทั้งยูโด คาราเต้ มวยไทย และการต่อสู้แบบผสมผสาน เธอจึงมีโอกาสฝึกการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่แม่ของเธอต้องเบรกเอาไว้เพราะเกรงว่าลูกสาวสุดที่รักจะเสียโฉม จึงทำข้อตกลงให้เธอเล่นได้แค่กีฬายูโดที่เน้นการจับและการทุ่มเท่านั้น



– กวาดรางวัลนับไม่ถ้วน

หลังจากเธอเริ่มฝึกยูโดมาตั้งแต่ 6 ขวบ “โนแอล” คว้ารางวัลมาเป็นกอบเป็นกำในกีฬายูโด โดยครองแชมป์ยูโดในฝรั่งเศส และแชมป์ยูโดแห่งประเทศไทย ปัจจุบัน เธอยังครองเข็มขัดสายดำในกีฬายูโดด้วย



– MMA อยู่ในสายเลือด

ถึงแม้ว่า “โนแอล” จะทุ่มเทไปกับการเล่นยูโด แต่หัวใจของเธอเรียกร้องให้เธอเปิดรับความท้าทายใหม่ จึงขอเปลี่ยนสายมาลงแข่งในกติกา MMA เพราะอยากเป็นนักสู้ที่เก่งกาจในทุกศาสตร์เหมือนกับพ่อของเธอ



– ฝึกมวยไทยจากต้นตำรับ

เธอได้เรียนศิลปะการต่อสู้หลายแขนงจากพ่อของเธอ หนึ่งในนั้นคือมวยไทย และเห็นว่ามวยไทยจะช่วยทำให้เธอแข็งแกร่งในสาย MMA และการที่เธอมีคุณแม่เป็นชาวไทยเธอจึงตัดสินใจ บินลัดฟ้าขอมาเรียนวิชามวยไทยจากนักมวยชาวไทยเพื่อเข้าถึงศาสตร์ขนานแท้และเพิ่มทักษะมวยยืนของตัวเอง

ชัยชนะแรกของ “โนแอล” ใน ONE เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และแน่นอนว่าเส้นทางของเธอยังคงไปได้ไกล โดยจะเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาความหวังตัวแทนชาติไทยในสาย MMA ในอนาคต