ตะวันฉาย ซึ่งทำน้ำหนักมาชกในรุ่นแบนตัมเวต 65.8 กก. จึงเคว้งคว้างไร้คู่ชก ประจวบเหมาะพอดีกับที่ “ไทฟุน ออสแคน” คู่ชกตุรกีที่ประกบให้พบ สิทธิชัย ในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต 70.3 กก. เกิดบาดเจ็บก่อนวันแข่งขันราวหนึ่งสัปดาห์ โชคชะตาจึงพา ตะวันฉาย และ สิทธิชัย มาเจอกัน ทั้งคู่จึงตัดสินใจพบกันครึ่งทาง โดย ตะวันฉาย เต็มใจปรับน้ำหนักขึ้นไปชกรุ่นเฟเธอร์เวต ส่วน สิทธิชัย ก็ยอมข้ามสายมาชกในกติกามวยไทยแทน
การเปลี่ยนคู่ชกแบบปัจจุบันทันด่วน ย่อมกระทบกับแผนการซ้อมทั้งหมดที่เตรียมไว้ ตะวันฉาย ต้องแบกรับความเสี่ยงกับการตัดสินใจดวลแถวหน้าคิกบ็อกซิ่งระดับโลกอย่าง สิทธิชัย ในช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลือเวลาเพียงสัปดาห์เดียว แต่ดูเหมือนเจ้าตัวไม่ได้กังวลอะไรหนัก แถมยังมองว่าตนเองได้เปรียบนักชกรุ่นพี่อยู่หลายแต้มด้วย
ตะวันฉาย มองว่าแม้ตัวเองจะแบกน้ำหนักขึ้นมา แต่เขาไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ส่วน สิทธิชัย นั้นนอกจากจะร้างเวทีมาเป็นปีแล้ว ยังห่างเหินจากการชกมวยไทยมานาน ถ้าไม่นับไฟต์ที่ชกในมาเก๊าเมื่อปีสองที่แล้ว สิทธิชัย ก็ห่างเหินจากกติกามวยไทยมาเกือบ 7 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ตะวันฉายก็จะไม่ประมาทรุ่นพี่ที่มีทั้งความแข็งแกร่งและประสบการณ์แน่นอน
“พี่เม (สิทธิชัย) เป็นนักมวยที่มีชื่อเสียงบารมีเยอะ ถ้าชนะเขาซึ่งเป็นระดับโลกได้ คนทั่วโลกก็จะยอมรับผม และจะเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไฟต์นี้ผมจึงตั้งใจมาก เพราะผมก็อยากมีโอกาสชิงแชมป์โลก ONE ซึ่งถ้าเป็นรุ่นนี้ผมก็จะได้เจอกับ เพชรมรกต ครับ”
“การชกกติกามวยไทย เป็นข้อได้เปรียบเดียวของผมเลยครับ มวยไทยเป็นทางของผม พี่เขาไม่ได้ต่อยกติกานี้มานานแล้ว ส่วนเรื่องที่จะน็อก ไม่น็อกนั้น พี่เขาก็แข็งเหมือนกันนะครับ เบื้องต้นขอชนะให้ได้ไว้ก่อน มีโอกาสน็อกหรือไม่ค่อยว่ากันหน้างาน ไฟต์นี้ไม่มีเกรงใจพี่น้อง บวกได้บวกครับ”
แฟนๆ สามารถรับชมศึกสายเลือดระหว่าง “สิทธิชัย vs ตะวันฉาย” ได้ทาง ONE Super App, YouTube ONE Championship, AIS Play เวลา 19.30 น. ส่วนไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.