ยุคทองของวงการมวยได้กลายเป็นยุคที่การพนันขันต่อในเวทีได้กลายเป็นคลื่นลูกใหม่และใหญ่โตมโหฬารที่ขยับก้าวเข้าแทนที่แฟนมวยที่ตีตั๋วเข้าดูมาก่อนหน้า
ในขณะที่บรรดานักมวยไม่น้อยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องค่าตัว ทั้งจากโปรโมเตอร์ผู้จัดรายการ หรือส่วนแบ่งที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้จัดการและหัวหน้าคณะ
เผอิญที่อดีตยอดมวยดังอย่าง ปราบธรณี เมืองสุรินทร์ หรือ พูลสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร,“บังมาด” สามารถ มะลูลีม สายเลือดคนมวยพันธุ์แท้ ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมตัวบุคคลในวงการมวยเพื่อเรียกร้องให้ได้มาซึ่งกฎหมายมวยจึงเกิดขึ้นเมื่อปี 2536 ซึ่งเป็นสมัยยุครัฐบาลท่านชวน 1 โดยมี “บังมาด” เป็นตัวตั้งตัวตี เพราะท่านทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยวและกีฬา พอดิบพอดี
คณะอนุกรรมาธิการฯ ยกร่างกฎหมายมวยมีอดีต ส.ส.พูลสวัสดิ์ มูลศาสตร์สาทร เป็นประธาน อดีต ส.ส.โสภณ เพชรสว่าง เป็นรองประธาน และอดีต ส.ส.สามารถ มะลูลีม เป็นเลขานุการ
ส่วนผู้แทนจากวงการมวยที่ไปร่วมงานกฐินสามัคคีมี พล.ต.ต.เสวก ปิ่นสินชัย , “เตี้ยโฟล์ค” นิคม รัตนวิชช์ และ “ชาติซ้าย” สมชาติ เจริญวัชรวิทย์, ทรงชัย รัตนสุบรรณ ฯลฯ
แม้จะออกสตาร์ตกันตั้งแต่ปี 2536 และมาประกาศใช้เอาปี 2542 ก็ยังนับว่าวงการมวยนั้นโชคดีที่มี พ.ร.บ.มวย 2542 เป็นของตนเองและน่าจะเป็นแห่งเดียวในโลกก็ว่าได้ แต่สุดท้ายทำท่าจะโชคไม่เข้าข้าง
แรกๆ รัฐบาลว่าจะให้เศษเงินมา 50 ล้านในรูปของ “กองทุนมวย” ซึ่งมีผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นเลขานุการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการมวย เป็นประธานกองทุน
พอเอาเข้าจริงปีแรกได้มาเพียง 25 ล้านบาท เป็น 25 ล้านที่โดนเล่นแร่แปรธาตุกับบรรดาค่าใช้จ่ายสารพัด ไล่กันตั้งแต่เงินเดือนลูกจ้างไม่กี่คนจนตอนนี้นับร้อย
แต่ไอ้ที่น่าเจ็บใจเห็นจะเป็นเรื่องเงินสงเคราะห์อดีตนักมวย หรือนักมวยเก่า ซึ่งทุลักทุเลมาแต่แรกจนถึงวันนี้
วันที่กองทุนมวยโดยกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ซึ่งมาทีหลังดังกว่าให้ยุบกองทุนมวยไปรวมกะทางโน้น
ไอ้ที่แล้วๆเงินสงเคราะห์ของนักมวยเก่ากว่าจะได้กันแต่ละทีต้องมีท่วงท่าลีลา สารพัดเงื่อนไข ยังพอทนกันไหว
พอไปรวมกับกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ นักมวยเก่าหลายคนต่างดิ้นรนสู้จนพ้นอันตรายรอดตายจากโควิด
จะมา…ม่องเท่ง เพราะเบี้ยรายเดือนยังชีพจาก “กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ” ซึ่งตอนนี้ไม่ได้รับกันมา 2-3 เดือนก็มีกันแล้วนั้น
“ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ
น่าจะเอาไม้เรียวหวดก้นคนที่ดูแลกันคนละป้าบสองป้าบ นะครับผม !!!
บี บางปะกง