เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) ว่า ไทยพบผู้ป่วยสงสัยฝีดาษวานรที่พบในประเทศไทย จำนวน 5 ราย ผลตรวจทางห้องแล็ป 2 แห่ง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์โรคอุบัติใหม่ทางคลินิก จุฬาลงกรณ์ ยืนยันตรงกันว่าไม่ใช่ฝีดาษวานร และผลตรวจจากกรมวิทยาศาสตร์และสถาบันบำราศนราดูร พบเป็นเชื้อเริม โดยประวัติเสี่ยงของผู้ป่วยกลุ่มนี้ 3 รายแรกเป็นชาวไอร์แลนด์เป็นพี่น้องกัน เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อเรียนมวยไทย บินตรงที่จ.ภูเก็ต
ต่อมาพบอาการป่วยเข้าได้กับนิยามผู้ป่วยสงสัย คือ มีไข้ มีผื่น และมีประวัติเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง เข้ารับการรักษารพ.เอกชนและได้รับการแจ้งผ่านระบบเฝ้าระวังจากรพ. จึงให้มาเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร และมีการค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติม พบผู้ป่วยสงสัยเพิ่มอีก 2 รายที่ยิมเดียวกัน จ.ภูเก็ต รวม 5 ราย แต่ทั้งหมดไม่ใช่ผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร เป็นผู้ป่วยโรคเริม
กรณีกลุ่มนี้ปัจจัยเสี่ยง ประวัติสัมผัส เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์ชกมวย กระสอบทราย ร่วมกับผู้มีประวัติเป็นผื่นก่อนหน้าในยิมเดียวกัน ประวัติเพศสัมพันธ์กับหญิงไทยช่วงที่อยู่ในไทย คลุกคลีใกล้ชิดกันตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย แต่ไม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยฝีดาษวานรที่ไอร์แลนด์หรือร่วมกิจกรรมที่มีรายงานพบผู้ป่วยฝีดาษวานร
ฝีดาษลิงในไทย จัดเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ไม่ใช่โรคติดต่ออันตราย เพราะฉะนั้น ผู้สัมผัสใกล้ชิด ที่เป็นผู้เสี่ยงต่ำ ให้ติดตามอาการตนเอง ไปทำงานได้ปกติ ถ้ามีอาการให้แจ้งเจ้าหน้าที่ แต่กรณีที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้แยกกักตัวเองที่บ้าน 21 วัน ส่วนในการรักษาผู้ป่วยยืนยันจะให้การรักษาจนกว่าแผลตกสะเก็ด ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้แล้ว ก็จะให้ออกจากรพ. ซึ่งอาจจะเร็ว ช้ากว่า 21 วันก็ได้
อนึ่ง ฝีดาษลิงในไทยจะแยกผู้ป่วย 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ป่วยสงสัยโรคฝีดาษวานร(ฝีดาษลิง) คือ ผู้ทีมีอาการดังต่อไปนี้
– ไข้หรืออุณหภูมิมากกว่า 38 องศาเซลเซียส และมีอาการอย่างน้อย 1 อย่างนี้ ได้แก่
- เจ็บคอ
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง
- ต่อมน้ำเหลืองโต หรือผื่น ตุ่มนูน ผื่นกระจายตามใบหน้า ลำตัว ลักษณะเป็นตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตุ่มตกสะเก็ด
– ประวัติเชื่อมโยงทางระบาดวิทยาภายใน 21 วันที่ผ่านมา ได้แก่
- ประวัติเดินทางมาจาก/อาศัยอยู่ในประเทศที่การรายงานการระบาดโรคฝีดาษวานร ภายในประเทศ(Local transmission)
- ประวัติร่วมกิจกรรมในงานพบผู้ป่วยโรคฝีดาษวานร หรือมีอาชีพที่ต้องสัมผัสคลุกคลีกับผู้เดินทางจากต่างประเทศเป็นประจำ
- ประวัติสัมผัสใกล้ชิดสัตว์ป่าประเภทสัตว์ฟันแทะ ลิง หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นำเข้าจากทวีปแอฟริกา
2.ผู้ป่วยเข้าข่ายโรคฝีดาษวานร(ฝีดาษลิง) คือ ผู้ป่วยสงสัยที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด ดังต่อไปนี้ ได้แก่
- สัมผัสโดยตรงกับผิวหนังผู้ป่วย
- สัมผัสสิ่งของที่อาจมีเชื้อปนเปื้อนของผู้ป่วย รวมทั้งเสื้อผ้าผู้ป่วย
- ผู้สัมผัสร่วมบ้าน ที่อาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกับผู้ป่วย หรือใช้ห้องน้ำหรืออุกรณ์ในห้องน้ำร่วมกับผู้ป่วย
- ผู้สัมผัสที่อยู่ภายในห้อง หรืออยู่ใกล้ ผู้ป่วยภายในระยะ 2 เมตร
3.ผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง) คือ ผู้ป่วยสงสัยหรือเข้าข่ายที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน สำหรับแนวทางการจัดการผู้ป่วย หากเป็นผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยเข้าข่าย ตรวจหาเชื้ตามแนวทางที่กำหนด รับการรักษา ตรวจสอบประวัติเสี่ยง สอบสวนโรคและพิจารณาแยกกัก จนกว่าตรวจไม่พบเชื้อ ส่วนผู้ป่วยยืนยัน รับการรักษาและพิจารณาแยกกัก 21 วัน นับจากวันเริ่มป่วย