หวลรำลึก บิ๊กอึ่ง – เอ็ดเวิร์ด ผู้ผลักดันมวยโลกไทย !! (ตอน 10 อิทธิฤทธิ์เปาเทวดา)

ห่างหายไปนาน เรื่องราวของ บิ๊กอึ่ง – เอ็ดเวิร์ด เพราะติดงานและ มีประเด็นข่าวสำคัญๆล่าสุดหลายรายการ ครั้งนี้จึงได้กลับมาสะสางให้จบๆ เพราะปกติก็ไม่ค่อยเป็นที่สนใจ แต่ด้วยความที่ไม่อยากทิ้งงานไว้ให้ค้างคา จึงขอกลับมาสานต่อ หากมีใครที่รอต้องกราบขออภัย

This image is not belong to us

เรื่องของเด็กหนุ่มจากชลบุรี ได้สิทธิ์สวมรอยฟรี ข้ามน้ำข้ามทะเลไปชิงแชมป์โลกที่เกาหลี เมื่อปี พ.ศ.2527 ในวัยเพียง 21 ปี เค้ามีชื่อว่า “สด จิตรลดา” ตามปูมประวัติก่อนหน้านั้น เป็นมวยไทย ไอ้แอ้ด 100 ปอนด์ ชกล่าเดิมพันกินเงินรางวัลในชื่อ “เชาวลิต ศิษย์พระพรหม” ตระเวณชกไปทั่วย่านทะเลภาคตะวันออก และใกล้เคียง

This image is not belong to us

มีเรื่องเล่ากันว่า ด้วยความเป็นมวยล่ารางวัล ครั้งนึงแอบซุ่มไปชกเวทีภูธร เมื่อขึ้นเวทีเซียนมวยจึงให้เป็นต่อตามราคา ทว่าเมื่ออีกฝั่งนึงขึ้นเวทีตามมาติดๆ และคู่ต่อสู้รายนั้นปลดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็น “รอยปูด” แผลเป็นที่กลางหลัง บรรดาเซียนพนันจดจำกันได้ว่า “ไอ้ปูด” คือฉายาที่คนมวยรู้จักกันยุคนั้น ต้องพากันเปลี่ยนราคาหันมาจับอีกฝั่งกันจ้าละหวั่น เพราะนักมวยที่ว่า กาลเวลาต่อมามีชื่อรู้จักกันดี ว่านี่คือ “สามารถ พยัคฆ์อรุณ”

This image is not belong to us

สด ขึ้นชกกับ สามารถ ในเชิงมวยไทยด้วยกันทั้งหมด 5 ครั้ง และต้องแพ้ผิดหวังกลับมาลงทุกครั้ง ซ้ำยังไม่น่าเชื่อ เมื่อสดกลายไปเป็นแชมป์โลก สามารถ ก็ตามไปอยู่ร่วมสังกัด “บิ๊กอึ่ง” กลายเป็นแชมป์โลกตามกันไป ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทชิดชอบกันจนถึงปัจจุบัน

กลับมาที่ สด หลังถอดแองเกิ้ลมวยไทย หันมาใส่รองเท้าชกสากล ได้รับการผลักดันจาก คุณสมภพ ศรีสมวงศ์ ไปชิงแชมป์โลก รุ่นไลต์ฟลายเวตของ สภามวยโลก ที่เพิ่งลดกำหนดชกจาก 15 ยก ลงเหลือ 12 ยกได้ไม่นาน เป้าหมายเจ้าของตำแหน่งคือ “ชาง จูงคู” อยู่ที่เกาหลี สถานที่การชกคือเมืองปูซาน การชกวันนั้นคือวันที่ 31 มี.ค. ปี 2527

This image is not belong to us

“ฉลามหน้าหยก” สด จิตรลดา แม้จะเพิ่งเทิร์นโปรสากลอาชีพ เพียงแค่ 4 ไฟต์ จัดเป็นมวยดาวรุ่งที่มีเบสิคทั้งมวยไทย และ สมัครเล่นระดับแชมป์ประเทศไทย นอกจากพื้นฐานไม่ธรรมดา เชิงมวยสวยงามแล้ว เขายังมีข้อดีคือ เป็นมวย “เนื้อเหนียว(ไม่แตกง่าย) คางหิน” ที่หลายคนอาจไม่ทันเฉลียวใจ

การเดินทางไปเกาหลีใต้ ช่วงปลายเดือนมีนาปีนั้น ปูซานยังมีสภาพอากาศหนาวเย็นชนิดหิมะหนาปกคลุม เป็นอุปสรรครุนแรงต่อผู้ท้าชิงชาวไทย ไหนจะต้องลดน้ำหนักจากปกติพิกัด 112 ปอนด์ลงมาชก 108 แล้ว ก่อนชกวันนั้น สด ต้องใช้เวลาถึง 3-4 ชม. กว่าจะรีดลดอบซาวน่าลงได้ตามพิกัดเพื่อชิงแชมป์โลก เรียกว่า ผอมบักโกรกจนเกือบตกตาชั่งกันเลยทีเดียว

This image is not belong to us

จึงไม่เป็นที่แปลกใจว่า ทำไมมวยโลกครั้งนั้น จึงไม่มีการถ่ายทอดสด (ช่อง 7 สี) กลับมาเมืองไทย เพราะลำพังแทบไม่มีใครสนใจ ชนิดหาสปอนเซอร์ไม่ได้เอาเลยทีเดียว (ไปก็คงเสร็จ..คนไทยคิดเบ็ดเสร็จยังงั้น ??)

ถึงวันจริง พิธีการหลังเปิดตัวบนเวที ก็ยังมีการมอบถ้วยเกียรติยศให้กับแชมเปี้ยนก่อนชก (เหมือนจะรู้ผลล่วงหน้า) ทว่าเมื่อระฆังเริ่มยก การชกผ่านไปครึ่งทาง 6 ยก รูปเกมก็ทำท่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะ ชาง เจ้าของฉายา “ไอ้เหยี่ยว” เป็นฝ่ายเดินส่ายหัวเข้าหาขว้างหมัดซ้าย-ขวาอุตลุต และ สด ก็คอยแย๊ปซ้าย แย๊ปซ้าย ต่อยขวาต่อยซ้าย เต้นฉากถอยหนี ตามสไตล์ ให้คนดูลุ้นกันว่า นักชกไทยจะหมดแรงลงตอนไหน โดนน็อกยกที่เท่าไหร่ คิดกันไปเพียงเท่านั้น

This image is not belong to us

แต่เอาเข้าจริง ต่อยไปต่อยไป นักชกไทยกลับไม่หมด แถมปลายยก 6 ชาง ซึ่งเอาแต่หัวนำหมัดพุ่งเข้ามาโดนอะไรก็ไม่รู้(ดูไม่ทัน) จนน่าแหกหางคิ้วซ้ายแตกเลือดปริทะลักออกมา “รูดี้ ออร์เตก้า” ผู้ห้ามบนเวทีจึงรีบเบรกการชก แล้วหันไปเรียกแพทย์ขึ้นมาดูแผล ซ้ำให้พี่เลี้ยงช่วยกันเช็ดเลือด(ซะอีก)

ก่อนให้ชกกันต่อ และต้องยอมรับว่า ด้วยอากาศหนาวหรือพี่เลี้ยงฝีมือดีช่วยกันห้ามเลือดชางได้เป็นอย่างดี จนถึงยก 9 ต้นยก สด เหนี่ยวคอชางนิดเดียว รูดี้ ก็เบรกการชกแล้วหันมาตัดคะแนนนักชกไทย ทำให้ ฉลามหน้าหยกยิ่งรู้ว่าตกเป็นรองจึงเดินหน้าชวนทะเลาะ ทั้งคู่แลกหมัดฟัดกันอุตลุตไปถึงยก 10 กลายเป็นสดยกชกยิ่งแกร่ง และเป็นไอ้เหยี่ยวที่กลับทำท่าจะหมดแรง ซ้ำเลือดจากแผลก็เริ่มทะลัก

This image is not belong to us

จังหวะโดนหมัดผู้ท้าชิงชาวไทยจนโงนเงนอยู่นั้น จู่ๆ รูดี้ ผู้ห้ามตัวดีจากแคลิฟอร์เนีย ก็ทำท่าเดินขากะเผลกเดินโอดโอยไปรอบๆเวที จนการชกต้องหยุดกันดื้อๆ พลอยขาดจังหวะที่เกมกำลังพลิกผันพักไปครู่ใหญ่ พอให้ชางที่กำลังหมดแรงได้พักหายใจ ก่อนจะอนุญาตให้กลับมาชกกันต่อ และตัว รูดี้ ก็กลับมาเดินไปปร๋อ เหมือนไม่มีอะไร ??

This image is not belong to us

การชกในยกที่เหลือ สด จึงเป็นฝ่ายหันมาเดินไล่บี้ไล่บด ชางเองก็ทนทรหดแข็งใจ เพราะได้เสียงเชียร์ในบ้านตัวเอง ครบกำหนด 12 ยก สิ้นเสียงระฆัง ชางถึงกับลมจับลงกองกับพื้นเวที และผลการตัดสินก็ออกมาตามคาด เมื่อผู้ให้คะแนน 3 ท่านเทใจให้ ชาง จูงคู ชนะไปเอกฉันท์ จาก มัลคอล์ม บูลเนอร์ 115-113,ดวน ฟอร์ด 116-112 และ คาซึมาซะ คูวาตะ ที่ทะลึ่งให้สุดโต่งถึง 119-112

ทั้งๆที่ ไฟต์นั้น โฮเซ่ สุไลมาน ประธานใหญ่สภามวยโลก บินไปเป็น สักขี (supervisor)ขึ้นชูมือบนเวทีด้วยตัวเอง เสียงกองเชียร์เกาหลี เฮโลดีอกดีใจ ตามสไตล์มวยชาตินิยมยุคนั้น (ปัจจุบัน มวยโลกเกาหลีแทบสูญพันธุ์ไม่มีแล้ว)

This image is not belong to us

ด้าน บิ๊กอึ่ง คุณสมภพ สุดยัวะการทำหน้าที่คณะกรรมการผู้แผลงฤทธิ์ราวเทวดา เพราะมันเป็นผลงานอัปยศ ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อน ในประวัติศาสตร์วงการมวยระดับโลก มีที่ไหน จู่ๆ กรรมการเกิดเบรกการชกดื้อๆ ด้วยสาเหตุขาแพลง ทั้งๆที่การชกกำลังถึงจุดพลิกผัน “คุณผู้ชาย” โวยวายผ่าน มร.เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา ทีมงานว่า จะประท้วงการชก พร้อมทั้งบอกเลยว่า นับแต่นี้ หากมีการศึกชิงแชมป์โลกเกิดขึ้นในเมืองไทย ไอจะไม่ขอต้อนรับกรรมการชาวสหรัฐ ที่ชื่อ “รูดี้ ออร์เตก้า” อีกต่อไป !!

This image is not belong to us

ทว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้ทราบก็คือ หลังการชก “ป๋าโฮ” คนโตสภามวยโลก ได้เข้ามาปลุกปลอบพร้อมทั้งซอรี่ ไอเสียใจกับ สด และ คุณสมภพ ทั้งยังได้เสนอแนะ ให้บิ๊กอึ่งด้วยเหตุผลว่า อย่าได้ฝืนดันทุรังทรมานสังขาร นักมวยหนุ่มผู้มีอนาคตไกลรายนี้ ไว้ในพิกัดนี้ต่อไปอีกเลย (หรืออีกนัยยะหมายถึง อย่าประท้วงเค้าเลย)

พร้อมรับปากว่า จะเลื่อน สด ขึ้นไปชกในพิกัด ฟลายเวต (112 ปอนด์) และจะรับรองให้รั้งอันดับ 1 WBC ในเดือนถัดไป รวมทั้งหากบิ๊กอึ่งสนใจ ก็พร้อมจะผลักดันให้ สด กลับไปชิงแชมป์โลกใหม่อีกครั้งในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายรายใหม่เป็นนักมวยชาติเดียวกับไอ เขาเป็นแชมเปี้ยนโลกที่ชื่อ “กาเบรียล เบอร์นัล” นั่นเอง !!

This image is not belong to us

ความสนิทสนมของ บิ๊กอึ่ง และ เอ็ดเวิร์ด กับ ป๋าโฮ คนโตสภามวยโลกนั้น ถือว่าเกื้อกูล ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันแค่ไหน ทั้งยังนำพาให้เกิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการมวยโลกเมืองไทยได้อย่างไร ??

ต้องติดตามตอนต่อไป หากคุณยังสนใจ (แหม่..เขียนไม่จบซะที อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ)

สอดสร้อย สาวสังเวียน : เรียบเรียงให้อ่าน