หวลรำลึก บิ๊กอึ่ง – เอ็ดเวิร์ด ผู้ผลักดันมวยโลกไทย !! (ตอน 13 สด แชมป์คนที่ 8)

ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจาก โฮเซ่ สุไลมาน ประธานใหญ่ สภามวยโลก ให้สิทธิ์ “บิ๊กอึ่ง” สมภพ ศรีสมวงศ์ นายสนามมวยช่อง 7 สี จัดศึก ชิงแชมป์โลก WBC ขึ้นในเมืองไทย หลังจาก สด จิตรลดา ไปชิงแชมป์โลกแพ้ ชางจุงคู ในเดือน มีนาคม 2527 แต่ในปีเดียวกัน “บังเชาว์” ก็ได้ขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้ง โดยเขยิบจากรุ่นไลต์ฟลายเวต 108 ปอนด์ ขึ้นมาชกในพิกัด 112 ปอนด์ (ฟลายเวต) ทิ้งช่วงห่างกัน 7 เดือนเท่านั้น (สายแข็งแค่ไหน ทั้งที่ เพิ่งไปแพ้มา??)

This image is not belong to us

ทั้งนี้ต้องรื้อฟื้น ความเป็นมาของ แชมเปียนโลก ในพิกัด 112 ปอนด์ของ WBC สักนิด สืบเนื่องในช่วงปี ค.ศ.1982-1984 (พ.ศ.2525-27) มีเรื่องแปลกคือ นับตั้งแต่ อันโตนิโอ อเวลาร์ เสียแชมป์เส้นนี้ ปรากฏเจ้าของตำแหน่งมีอันต้องเปลี่ยนมือผ่านไป เพียงแค่การป้องกันตำแหน่งแค่ครั้งแรกถึง 7 คน ดูเป็นเรื่องประหลาดสิ้นดี จนมีคำกล่าวกันว่า มันเป็น “อาถรรพ์”

This image is not belong to us

กระทั่ง เข็มขัดสีเขียวเส้นดังกล่าว มาอยู่ในมือ “กาเบรียล เบอร์นัล” แชมป์โลกเม็กซิกัน ยุคสมัยนั้นสื่อไทยขนาดนามว่า “ไอ้แรดดง” บ้าง “ไอ้หมัดตอร์ปิโด” บ้าง จนพ้มชักจะลืมเลือนไปทุกที

เบอร์นัล ถือเป็นคนแรกผู้หยุดสถิติ ด้วยการป้องกันครั้งแรก ทุบ อองตวน มอนเตโร่ พ่ายหมดทางสู้ยก 11 (สมัยนั้นลดจาก 15 ลงมาชก 12 ยกแล้ว ตั้งแต่ปี 1983)

และด้วยความเอื้ออารีของ โฮเซ่ สุไลมาน เปิดทางให้ สด ได้ชิงแชมป์โลก โดยมี มร.เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา มันสมองมือขวาฝ่ายต่างประเทศของบิ๊กอึ่งนี่แหละ เป็นผู้ช่วยติดต่อประสานงาน ให้ เบอร์นัล ได้บินมาป้องกันกับ สด ในเมืองไทย กำหนดลงตัววันที่ 10 ต.ค. 2527

This image is not belong to us

ต่อยกันที่ อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ เวลาเย็นๆหลังเคารพธงชาติ มีการถ่ายทอดสด สมัยนั้นยังต้องขายตั๋วเก็บเงินคนดู โดย บิ๊กอึ่ง เป็นผู้ลงทุนเสี่ยงดวงวัดใจเองอีกครั้ง ตัวของ สด นั้นเป็นมวยของ “ทิดแฝด” บุญเชือน เจริญผล หัวหน้าคณะมวยไทยจากชลบุรี เมื่อสบโอกาสได้ชิงแชมป์โลก บิ๊กอึ่งก็เลยดึงมาทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์ค มี อ.สุดใจ สัพพะเลข และ ชาร์ล แอตคินสัน (ฝรั่งอังกฤษ) มาร่วมเป็นสต๊าฟเทรนเนอร์ผลักดัน

“รู้เรา แต่ไม่รู้จักเขา” กิตติศัพท์ความน่ากลัวของ แชมป์โลกชาวจังโก้สมัยนั้น คนไทยยังไม่ค่อยซึมซับรู้จักดีสักเท่าไหร่ แต่เมื่อมีการจัดชิงแชมป์โลกขึ้นในประเทศไทย แน่นอน ว่าย่อมเป็นที่สนอกสนใจของพี่น้องชาวไทยอยู่แล้ว

“แบน ท่าพระ” เดชา คูรัตนเวช สื่ออาวุโสหมัดมวยคนดัง ช่วยกันรื้อฟื้นความหลัง ศึกชิงแชมป์โลกครั้งนั้น จัดภายในอาคารนิมิบุตร รายได้ส่วนใหญ่มาจากตั๋ว”จัดยัด”หรือ บัตร VIP ที่ผู้ใหญ่ช่วยกันอุดหนุน ส่วนคนทั่วไปซื้อกันหน้างาน เรื่องเสียตังค์ไม่ค่อยจะนิยมสักเท่าไหร่ แต่พอหลังใกล้มวยคู่สำคัญขึ้นชกบิ๊กอึ่งก็เปิดให้เข้าชมฟรีกัน ผู้คนก็ดีอกดีใจเฮโลเข้าไปเชียร์ผู้ท้าชิงชาวไทยด้วยกัน ทำบรรยากาศให้คึกคัก

This image is not belong to us

ยุคสมัยนั้น เรียนตามตรง “ตัวผม” ก็ยังเป็นเด็กนักเรียน จะได้ดูก็จากการถ่ายทอดสดช่อง 7 สี หลังโรงเรียนเลิกก็รีบวิ่งกลับบ้าน เพราะสนใจเรื่องมวยโลกติดตามรายละเอียดไม่น้อยกว่าใคร ผลพลอยได้จึงทำให้ได้รางวัล “แชมป์แฟนพันธุ์แท้” ทางช่อง 5 ในเวลาสิบแปดปีต่อมา ด้วยหัวข้อ “แชมเปียนโลกชาวไทย” ถึงจะแบบฟลุ๊กๆ ก็ยังพอจะทำให้ได้ต่อยอด มีเครดิต เป็นวิชาชีพ”สื่อ”มาจนถึงปัจจุบัน (คุยซะหน่อยกันลืม)

และว่ากันตามตรง ชนิดไม่บิดเบือนประวัติศาสตร์ ผู้ท้าชิงชาวไทยมุ่งมั่นตั้งใจทำหน้าที่ได้อย่างที่สุด แม้ประสบการณ์ยังน้อยนิด เพราะชกมาเพียง 7 ครั้ง (ชนะ 6 แพ้ 1) แต่ด้วยความ”สด” สมชื่อ อดีตนักมวยไทย เชาวลิต ศิษย์พระพรหม ก็ยืนรับพายุหมัดกัดฟันตอบโต้แลกหมัดกับแชมป์โลก ผู้โชกโชนที่เอาชนะคู่ชกมาก่อนหน้าถึง 38 ไฟต์ เสมอ 2 น็อก 25 ถึงจะแพ้มา 8 ครั้ง แต่ สดของเราก็ต่อสู้ได้อย่างน่าดูชม !!

This image is not belong to us

ตลอดการชก 12 ยก สด ในวัย 22 ปี สามารถทนรับพายุหมัดอันหนักหน่วงของ จอมเก๋าเม็กซิกันวัย 28 ปีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงหลายคนจะส่ายหน้าหวาดเสียวหลายครั้งหลายหน แต่ครบ 12 ยก นักชกไทยก็ได้เฮสมใจ เมื่อกรรมการ 3 ท่านจากสภามวยโลก ทั้ง ดวน ฟอร์ด และ แฮร์รี่ กิบบ์ส ให้คะแนน 116-113 และ 118-113 ตามลำดับแก่นักชกไทย

ขณะที่ เจมส์ เจน กิ้น สวนทางให้ ผู้ท้าชิงแพ้ 113-116 คะแนนจึงออกมาไม่เอกฉันท์ สด จิตรลดา จึงกลายเป็นแชมเปียนโลก WBC รุ่นฟลายเวตคนใหม่ และ เป็นแชมเปียนโลกคนที่ 8 ชาวไทยสมใจ

แม้จะมีเสียงครหาจากคนไทยที่รักความยุติธรรมก็ต้องทำใจ เพราะอย่างน้อยที่สุด การลงทุนของ บิ๊กอึ่ง ในครั้งนี้ย่อมถือว่า ประสบความสำเร็จ และเป็นการชดเชยความผิดหวังของพี่น้องชาวไทย หลังจาก พเยาว์ พูลธรัตน์ เพิ่งไปเสียเข็มขัดแชมป์โลก WBC รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต ให้ จิโร่ วาตานาเบ้ ที่ญี่ปุ่น ก่อนหน้านั้นเพียงแค่สามเดือน

This image is not belong to us

ณ เวลานั้น ในวันนี้ (8 ตุลาคม พ.ศ.2527) ถึง สด จิตรลดา จะกลายเป็นแชมโลกชาวไทยคนใหม่ ท่ามกลางเสียงครหามากมาย (ในยุคสมัยนั้น) ขออภัย ว่ากันตามตรง คนไทยเป็นผู้มีความยุติธรรมในหัวใจไม่แพ้ชาติใดในโลก แม้หลายสิ่งในปัจจุบันจะย้อนแยงให้เห็นมากมายในสังคมปัจจุบัน…

แต่ชัยชนะของสด ก็ได้มาด้วยความพยายาม และอดทนทำหน้าที่อย่างดีที่สุด สิ่งสำคัญที่เผยให้เห็นคือ “กำลังภายใน” ที่ผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง บิ๊กอึ่ง และ เอ็ดเวิร์ด ซึ่งแน่นอนต้องมีส่วนสำคัญ จน “ป๋าโฮ” ประธานใหญ่สภามวยโลกไฟเขียวให้มาจัด และโดยเฉพาะ 2 ผู้ตัดสินอย่าง ดวน ฟอร์ด และ แฮร์รี่ กิ๊บบ์ส ที่เทใจให้นักชกไทยชนะ ส่วน เจมส์ เจน กิ้น กรรมการชาวสหรัฐ จากแคลิฟอร์เนีย แม้วันนี้ อาจยังไม่รักคนไทย แต่ทว่าในภายภาคหน้าเป็นต้นไป ด้วยการดูและเอาใจใส่ บวกความประทับใจที่ได้รับจากคนไทย จำชื่อไว้ให้ดี บุคคลเหล่านี้ (กรรมการ) จะมาตัดสินมวยไทยชิงแชมป์โลกอีกมากมาย เข้าตำราคนมีเพื่อนมากมายอย่าง สมภพ ศรีสมวงศ์ ที่ว่า

This image is not belong to us

“การเอาชนะศัตรูที่ดีที่สุด คือการ ดึงเข้ามาเป็นมิตรอย่างถาวรให้ได้” นั่นเอง !!

และด้วยวัยฉกรรจ์ ที่กำลังห้าวของ สด จิตรลดา เขายังมีเวลาที่จะพิสูจน์ และสร้างศรัทธาจากแฟนมวย เป้าหมายต่อไปคือการ ทำลาย”อาถรรพ์” ของเข็มขัดเส้นนี้ ที่ว่ากันว่า มักจะไม่มีใครป้องกันได้ เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ทำไม สด จิตรลดา จึงต้องสวมบท “ไอ้เสมา” ใส่ชุด ขุนศึกไทยสมัยอยุธยา สะพายดาบคู่ขึ้นเวทีในการป้องกันแชมป์โลกต่างแดนเป็นครั้งแรก !!

ทุกอย่างล้วนมีที่มา และที่ไป ขอเชิญชวนรอติดตาม ในตอนต่อไป .. สวัสดีครับ

เรียบเรียง : สอดสร้อย สาวสังเวียน