อดีตนักมวยดัง-หน.ค่ายมวยเด่น อยู่อย่างพอเพียงกับ “โคก หนอง นา พช.”

ภูมิภาค

อดีตนักมวยดัง-หน.ค่ายมวยเด่น อยู่อย่างพอเพียงกับ “โคก หนอง นา พช.”

วันพุธ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 17.16 น.

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ในวงการมวยของจังหวัดอุบลราชธานี และ วงการมวยของเมืองไทย หากเอ่ยชื่อ ค่ายมวย “ เกียรติภัทรพรรณ ”  เชื่อว่า คนในวงการมวยต้องรู้จักกันดี  เพราะค่ายนี้เป็นค่ายใหญ่ได้มาตรฐานอีกค่ายหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี  ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีนักชกดังชื่อก้องฟ้าเวหามวยเมืองไทย อยู่หลายคน อาทิเช่น อรัญชัย เกียรติภัทรพรรณ เจ้าของแชมป์ WBC สภามวยโลก และ สุวิทย์เล็ก เกียรติภัทรพรรณ เจ้าของแชมป์ลุมพินี 3 รุ่น รวมทั้ง ยุทธชัย เกียรติภัทรพรรณ เจ้าของแชมป์ประเทศไทย เวทีมวยอ้อมน้อย นอกจากนี้ยังมีนักชกดาวเด่นดาวรุ่งอีกหลายคน ส่วนผู้เป็นเจ้าของค่ายมวยเด่นค่ายมวยดังแห่งจังหวัดอุบลราชธานีค่ายนี้ ก็มิใช่ใคร เขาคือ นายวสุพล ใจเพียร อดีตนักมวยดังคนหนึ่งของเมืองไทย ที่ใช้ชื่อชกบนสังเวียนว่า  “ เด่นดนัย  เอกวิทย์ ” หรือ เด่นดนัย  ศักดิ์ศิริชัย ในอดีตเคยเป็นถึงรองแชมป์เปี้ยนมวยไทยรุ่นเวลเตอร์เวต(น้ำหนักไม่เกิน 147 ปอนด์) อันดับ 2 ของเวทีมวยลุมพินี และในปัจจุบันนี้ ยังดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 บ้านหนองแสงนาอุดม  ต.คำไฮใหญ่ อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี อีกด้วย    

นายวสุพล ใจเพียร หรือ เด่นดนัย  เอกวิทย์  ได้เล่าถึงเส้นทางชีวิตบนถนนนักค้ากำปั้นแบบย่อๆ ว่า  เริ่มจากชกมวยด้วยใจรักตั้งแต่นมแตกพาน ผ่านการชกบนสังเวียนเลือดมามากกว่า 200 ครั้ง  เคยชกที่เวทีมวยมาตรฐานเมืองกรุงทั้งลุมพินี-ราชดำเนิน จนมีชื่อเสียงโด่งดังพอเลิกชกมวยก็หันมาทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ที่จ.อุบลฯบ้านเกิด และมาก่อตั้งค่ายมวย เกียรติภัทรพรรณ ขึ้น ที่บ้านยางลุ่ม ต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ในปี พ.ศ. 2539 โดยมีตนเป็นหัวหน้าค่าย และ มีภรรยาของตน คือ นางภัทรพรรณ ใจเพียร ซึ่งนอกจากจะประกอบอาชีพรับราชการครูแล้ว ยังมารับหน้าที่เป็นผู้จัดการค่ายมวยให้ตนด้วย   หลังจากตนทำค่ายมวยได้ไม่นานก็มีนักชกเงินหมื่น เงินแสน ประดับค่าย ดังรายชื่อข้างต้น  ต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. 2560-2564 ก็หันมาจัดมวยที่ค่ายมวยเกียรติภัทรพรรณของตนเอง โดยมี อดีตมวยดัง ลำน้ำมูล  ส.สุมาลี และ หนึ่งตระการ พ.เมืองอุบล มาร่วมจัด  จนกระทั่งมาเจอวิกฤติโควิด-19  ก็เลยหยุดจัดตามคำสั่งของทางจังหวัดอุบลราชธานี  แม้ว่า ระยะหลัง ทางจังหวัดให้จัดได้ แต่ก็ไม่ไหว เพราะเห็นคนอื่นจัดแฟนมวยเข้าดูน้อยมาก เนื่องจากยังขยาดโควิด อีกทั้งมีคำสั่งสลับไปมา เดี๋ยวให้จัดได้ เดี๋ยวให้หยุดจัด ก็เลยเลิกจัดซะเลย     

เด่นดนัย  เอกวิทย์  เล่าต่ออีกว่า  ที่ผ่านมา นอกจากตนจะชอบเรื่องมวยแล้ว  ตนยังชอบเรื่องของการเมือง จึงลงรับสมัคร ส.อบต. และ ก็สอบผ่าน ได้ดำรงตำแหน่ง ส.อบต.ไร่น้อย อ.เมือง จ.อุบลฯ เป็น ส.อบต. อยู่ 1 สมัย (อยู่ในตำแหน่ง 8 ปี)  ต่อมาในปี พ.ศ. 2565  ตนได้มาทำ โคก หนอง นา พช. อยู่ที่บ้านนาคำเจริญ หมู่ที่ 8 ต.คำไฮใหญ่ อ.ดอนมดแดง จ.อุบลราชธานี พร้อมกับเปิดค่ายมวยขึ้นที่นี่ด้วย  ซึ่งนักมวยในสังกัด ตอนนี้ นอกจากจะมีนักชกชาวไทยแล้ว  ยังมีชาวต่างชาติ 5 -6 คน  ที่มาจากประเทศอังกฤษ  สหรัฐอเมริกา  เนเธอร์แลนด์  สวีเดน  ซึ่งพวกเขาต่างหลงใหลและชื่นชอบมวยไทย  จึงพากันข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนมวยไทย และได้ขึ้นชกในรูปแบบมวยไทยอาชีพกันทุกคน  และพวกเขาต่างยอมรับว่า มวยไทยเก่งกาจ สมกับเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติไทยอีกแขนงหนึ่ง และสมกับคำกล่าวที่ว่า  “มวยไทย  มรดกไทย  มรดกโลก”  อีกด้วย  

เด่นดนัย  เอกวิทย์   ได้พูดถึง การทำ “โคก หนอง นา พช.” ว่า  ตนทำในพื้นที่เพียง 1 ไร่  ซึ่งบริเวณที่ทำ โคก หนอง นา จะอยู่ทางด้านหลังของค่ายมวย  ก็จะมีทั้ง ปลูกต้นไม้ 5 ระดับ  ปลูกพืชสมุนไพร  การทำปุ๋ยหมัก  ขนฟางห่มดิน  การขุดบ่อเลี้ยงปลา เป็นต้น  ก็เป็นโครงการที่ดีมีอาหารพอเพียงในการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ทำให้ตนและนักมวยต่างชาติ ได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกด้วย  และ เมื่อก่อนตนพอมีรายได้จากการทำค่ายมวย  พอโควิดระบาด ทำให้มวยแข่งขันไม่ได้ ต่อมา ก็แข่งขันได้บ้าง  ไม่ได้บ้าง ตามช่วงตามระยะเวลาที่โควิด-19 ระบาด ตนจึงตัดสินใจทำการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นำเอา “โคก หนอง นา โมเดล” มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตน  เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองได้  เพื่อให้มีอยู่  มีกิน อย่างพอเพียง ช่วยให้เราประหยัดรายจ่าย  เพราะปลูกพืชผักต่างๆ  ขุดบ่อเลี้ยงปลา  ปลูกไม้ผลนานาชนิด  ลดความตึงเครียดด้านเศรษฐกิจ  ลดความกังวลเรื่องรายรับ-รายจ่าย  และยังช่วยป้องกันน้ำท่วม  แก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ ได้อีกด้วย  นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งของตนในการดำรงชีวิตในยุคที่โรคโควิดระบาดอย่างรุนแรงเช่นนี้   

เด่นดนัย  เอกวิทย์  ยังได้กล่าวอีกว่า  ในอนาคต นั้น ตนจะพัฒนา “โคก หนอง นา พช.” ในพื้นที่ของตน ให้เป็นศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อจะได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ตนได้รับมาจากการฝึกอบรมตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา พช.”  ให้นักมวยในค่ายมวยของตน  และ พี่น้องประชาชนที่มาศึกษาหาความรู้จากแปลงโคก หนองนา ของตน ได้รับความรู้กันทุกคน  และ ตนยังจะพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและเชิงกีฬา  และในอนาคตก็จะสร้าง “โฮมสเตย์ ” เพื่อให้ผู้ที่มาศึกษาดูงาน หรือ ผู้ที่มาท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ที่มาฝึกฝนเรียนรู้วิชามวยไทย ได้พักค้างคืน ที่แปลง “โคก หนอง นา พช.” ของตนอีกด้วย  และ หากท่านใด หรือ หน่วยงานใด มีความประสงค์มาศึกษาดูงานหรือจะมาฝึกเรียนวิชามวยไทย ก็ติดต่อนัดหมายผมล่วงหน้าได้ทางโทรศัพท์ หมายเลข 061 356 1932 ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ /  เด่นดนัย  เอกวิทย์  กล่าวในที่สุด.

ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่