แม้จะโชคดีถูกส้มหล่นใส่ได้เป็นตัวจริง ในศึกเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ แต่ โจ กลับไม่ได้ไปต่อ เพราะต้องเจอกับคู่แข่งที่ถือว่าเป็นงานหินอย่าง ชิงกิซ โดยเจ้าตัวเผยว่า ตนเสียเปรียบทั้งเรื่องน้ำหนักและแรงปะทะ อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนศีรษะโดนกระแทกอย่างแรงจากลูกเตะสูงจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวจนไปต่อไม่ไหว
แม้ใจจริงตนจะรู้สึกเสียดายบ้างที่พลาดโอกาสที่ตกมาใส่มือ แต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจในผลงานของตัวเอง เพราะได้สู้อย่างเต็มร้อยเหมือนทุกไฟต์ที่ผ่านมา
“ผมต้องยอมรับว่า ชิงกิซ เขาเก่งกว่าในทุกด้านเลยครับ หนึ่งคือ เขาเชี่ยวชาญในกติกาคิกบ็อกซิ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งต่างจากผมที่มาจากสายมวยไทย เขามีสปีดหมัดเร็วกว่า และก็ยังได้เปรียบเรื่องรูปร่าง น้ำหนัก ความรุนแรง และความหนักหน่วงครับ”
“สำหรับไฟต์นี้ใจจริงก็รู้สึกเสียดายนะครับ แต่ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร เพราะผมคิดว่าคนที่เก่งกว่าก็ต้องชนะไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว สำหรับผมไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ผมถือว่าทำเต็มร้อยแล้ว งานเราจบแล้วครับ”
นอกจากนี้ โจ ยังแสดงความยินดีกับนักชกเพื่อนร่วมชาติ สิทธิชัย ที่ลอยลำเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเรียบร้อย โดยจะเข้าไปเผชิญหน้ากับ ชิงกิซ ที่เพิ่งเอาชนะเขาไปนั่นเอง ซึ่ง โจ ก็เชียร์ สิทธิชัย เต็มที่ โดยมองว่าแม้ ชิงกิซ จะแข็งแกร่งและรวดเร็วแค่ไหน ตัวท็อปคิกบ็อกซิ่งอย่าง สิทธิชัย เอาอยู่แน่นอน
โดยจากนี้ โจ ขอเวลาไปพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับครอบครัวในเมืองไทย ก่อนเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่นั่น โจ มีโครงการจะขยายกิจการยิมของตัวเองควบคู่ไปกับการทำงานเป็นเทรนเนอร์สอนมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งด้วย