รำลึกอดีต..ถึง เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา ผู้ผลักดัน มวยโลกเมืองไทย !! (ตอน 1)

เห็นแฟนเพจ “ข่าวสด” ท่านหนึ่ง สอบถามเรื่องเก่าวงการมวย ถึง มิสเตอร์ เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา ผู้ล่วงลับ ว่า มีประวัติชีวิตความเป็นมาเกี่ยวพันกับวงการมวยบ้านเราอย่างไรบ้าง วันนี้ พอมีเวลาว่างในช่วง เวิร์ค ฟอร์ม โฮม จึงถือโอกาส ขุดคุ้ย หาภาพและเรื่องเก่าๆ มาเล่าถึงกันฟัง

This image is not belong to us

มิสเตอร์ เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา ในความรับรู้ของสอดสร้อย ตั้งแต่ตอนยังเด็กเริ่มอ่านหนังสือหมัดมวย ได้รับฟังติดตามจากบทความ สื่ออาวุโสรุ่นเก่าผู้ล่วงลับอย่าง “อาว์สังข์ สุดเสียง” กูรูใหญ่ฐานันดรศักดิ์สูง เพราะเป็นถึง ม.ร.ว. (นริศ กฤดากร)

อาว์สังข์ สมัยเป็น บก.หนังสือมวยโลก เคยตั้งฉายา คุณเอ็ดเวิร์ด ไว้ว่า “หัวล้านแขก” และเคยเขียนสังคมทำนองว่า คอยรับแต่ส่วนแบ่งผลประโยชน์ กินเปอร์เซ็นต์จากนักมวยไทย ที่เป็นแชมป์โลก ในความรู้สึกของแฟนมวยทั่วไปชั้นหางแถว ระดับคนนอก แค่เด็กนักเรียนอ่านหนังสือมวย จึงพอรับรู้แต่เพียงเท่านั้น และถูกฝังหัวในภาพลบตลอดมา

This image is not belong to us

แต่วันเวลาผันเปลี่ยน อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อตัวเอง (สอดสร้อย) เรียนจบ ก้าวเข้ามาทำงานในวงการสื่อ และยิ่งได้มาสัมผัสกับบุคคลสำคัญต่างๆ และตัวตนจริงๆ รวมทั้งได้สัมผัสกับ คุณเอ็ดเวิร์ด ตัวจริง เสียงจริง จึงพอได้รับรู้อีกแง่มุม !!

และขอถือโอกาสนี้ ถ่ายทอดเรื่องราวของท่านให้คนไทยทั่วไปได้รับรู้ ซึ่งแฟนมวยคนรุ่นใหม่ อาจไม่รู้จัก แม้แต่ชื่อเสียงหรือตัวตนของท่าน แต่ผมก็ยังอยากถ่ายทอดและบันทึก “ในส่วนดี” ที่น่าจะเป็นประโยชน์ให้แก่คนรุ่นใหม่ได้จดจำไว้ดังนี้

คุณสุรพจน์ พงษ์จิวาณิช คือ”คนสนิท”ที่สุดของ มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด และเป็นผู้ใกล้ชิด ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้เราได้รับรู้อย่างชัดเจนตามประวัติว่า

This image is not belong to us

เดิมที มิสเตอร์ เอ็ดเวิร์ด ตังคะราชา MR.Edward thangarajah เป็นชาวศรีลังกา มีครอบครัวและลูกๆอีก 6 คน อพยพย้ายนิวาสถานมาอยู่ในเมืองไทย ในปี ค.ศ.1972 พร้อมทำงานใน ตำแหน่ง บก. บรรณาธิการ ฝ่ายกีฬา หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ สื่อใหญ่ภาษาต่างประเทศในเมืองไทย

ขณะเดียวกันในวงการมวยโลก นับตั้งแต่ ไทยเรา สูญเสีย แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ (แชมป์โลกคนที่ 5) และ เนตรน้อย ส.วรสิงห์ (คนที่ 6) ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.2521 เป็นต้นมา ตำแหน่งแชมเปี้ยนโลกประดับบารมี คู่ฟ้าเมืองไทย เริ่มทิ้งช่วง หาผู้ส่อแววจะเป็นซูตาร์คนใหม่ได้ยากเย็น

This image is not belong to us

บุคคลในวงการมวยรุ่นใหม่ยุคนั้นคือ คุณสมภพ ศรีสมวงศ์ นายสนามวยเวทีช่อง 7 สี หรือเจ้าของฉายา “บิ๊กอึ่ง” ในเวลาต่อมา หลังจากหมดยุค “พญาอินทรี” เทียมบุญ อินทรบุตรเสียชีวิต ท่านก็เริ่มมีแผนการอยากปลุกปั้นสร้างสรรค์ นักมวยไทย สู่ระดับโลก วันนึงจึงได้มารู้จักกับ มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด เข้า ทั้งสองจึงได้เปรยถึงอนาคตวงการมวยสากลอาชีพเมืองไทยในเรื่องนี้

มร.เอ็ดเวิร์ด ซึ่งเป็นผู้สันทัดภาษาสากล จึงรับปาก และชักชวนบิ๊กอึ่ง เดินทางไปร่วมงานประชุมใหญ่ สภามวยโลก ที่เกาหลีเป็นเจ้าภาพ ณ กรุงโซล(เซอูล) ปี ค.ศ.1981

และในเช้าวันหนึ่งของงานประชุมในโรงแรมใหญ่ ระหว่าง Breakfast อาหารเช้า เอ็ดเวิร์ด ก็พา บิ๊กอึ่ง ไปนั่งทานกับ “ป๋าโฮ” มิสเตอร์ โฮเซ่ สุไลมาน ประธานใหญ่สภามวยโลก WBC พร้อมแนะนำตัวให้ต่างได้รู้จักกัน

This image is not belong to us

หลังพูดคุยถูกคอ และนับจากวินาทีนั้น จึงก่อเกิด ถือกำเนิดเป็น “เส้นทางสายไหม” วงการมวยระดับโลก สาย WBC ที่ทอดยาว สู่เส้นทางสร้างสรรค์นักมวยไทย ก้าวไกลสู่ระดับโลก” จนเติบโตถึงปัจจุบัน

(ติดตามตอนต่อไป)

บทความ กีฬา ข่าวสด : สาวสังเวียน กับ สอดสร้อย