สำหรับ โจเซฟ ทำฟอร์มที่ไม่ค่อยดีเท่าไรใน 4 ไฟต์แรกกับ ONE ในรุ่นฟลายเวตเมื่อพ่ายเรียบให้กับนักมวยแถวหน้าของวงการทั้ง “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว”, “สิงห์ทองน้อย ป.เตละกุล”, “จอช ทอนนา” และ “โจนาธาน แฮ็กเกอร์ตี” จนหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยในฝีมือ
อย่างไรก็ตาม หลังเปลี่ยนพิกัดมาอยู่ในรุ่นสตรอว์เวต ทำให้ฟอร์มของเขาเริ่มดีวันดีคืน จนขึ้นยึดตำแหน่งผู้ท้าชิงเบอร์ 1 ของแรงกิง และสามารถเผด็จศึก พระจันทร์ฉาย ก้าวขึ้นไปครองบัลลังก์แชมป์โลกได้แบบหักปากกาเซียน
แต่กว่าที่ โจเซฟ จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจะพาไปย้อนเส้นทางของกำปั้นวัย 30 ปี รายนี้ว่า ก่อนจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง
เติบโตที่มิลาน
โจเซฟ เป็นลูกที่ 3 จากทั้งหมด 4 คน ของครอบครัวชาวโมร็อกโกที่ย้ายมาปักหลักอยู่ทางตอนเหนือของเมืองมิลาน อิตาลี ด้วยฐานะที่ค่อนข้างลำบาก ทำให้พ่อแม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกๆ ขณะที่ โจเซฟ ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบการเรียนเท่าไหร่ แต่เขาก็สามารถหาทางออกให้กับตัวเองด้วยการเล่นกีฬา
ฝึกวิชาการต่อสู้จากความแค้น
ในวัยเด็ก โจเซฟ ก็เหมือนกับเด็กอิตาลีทั่วไปที่ชื่นชอบฟุตบอล แต่ด้วยความที่ตัวเล็กเกินไปทำให้ถูกเขี่ยออกจากทีม นั่นจึงเป็นเหมือนกับแรงแค้นที่ทำให้เขาอยากพิสูจน์ตัวเอง โดยหลังจากได้รู้จักกีฬามวยไทย โจเซฟ ก็มุ่งมั่นพัฒนาฝีมืออยู่ตลอด เพื่อพยายามลบคำสบประมาทต่างๆ ให้ได้
ครอบครัวต้องมาก่อนเสมอ
จากวิกฤติเศรษฐกิจในอิตาลีก่อนหน้านี้ ทำให้เขาต้องถอดนวมชั่วคราวเพื่อช่วยครอบครัวหาเงิน ด้วยการย้ายไปทำงานในร้านอาหารที่กรุงลอนดอน ซึ่งถึงแม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับหนุ่มอิตาเลียนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่อย่างน้อยความลำบากก็สอนให้เขารู้จักการเอาตัวรอด รวมถึงนำเอาความมุ่งมั่นและระเบียบวินัย มาปรับใช้กับการเล่นกีฬาด้วยเช่นกัน
สู่ก้าวสำคัญในชีวิต
ถึงแม้จะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำในร้านอาหาร แต่ “The Hurricane” ก็ยังเจียดเวลาฝึกซ้อมมวยอยู่ไม่เคยขาด เพื่อรักษาสภาพร่างกายและความเฉียบคมอยู่เสมอ ทำให้ในเวลาต่อมา โจเซฟ สามารถคว้าแชมป์ต่างๆ ได้มากมายทั้งในอิตาลีและยุโรป
กระทั่งเมื่อปี 2561 ก็ได้รับการทาบทามให้เข้ามาอยู่ในสังกัดของ ONE และในที่สุด เขาก็สามารถโชว์ฝีมือฝ่ากระแสคำสบประมาทต่างๆ นานา จนประสบความสำเร็จในฐานะราชันมวยไทย รุ่นสตรอว์เวต คนล่าสุด