สำหรับ ตะวันฉาย ถือเป็นนักมวยดาวรุ่งพุ่งแรงที่สมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาแห่งประเทศไทย เคยให้ฉายา “ยอดมวยไทยไร้พ่าย” เจ้าของสถิติการชกชนะ 8 ไฟต์รวดไม่แพ้ใคร ลอยลำรับรางวัล “นักมวยไทยดีเด่นการกีฬาแห่งประเทศไทย ปี 2561” ไปแบบไม่มีที่ติ
เมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมานักมวยหน้ามนชาวชลบุรีวัย 21 ปี ตะวันฉาย จรดปากกาเซ็นสัญญาเข้าร่วมชกกับ วัน แชมเปียนชิพ ด้วยความตื่นเต้นและใจจดจ่อรอมานานหลายเดือน ในที่สุดเขาก็ได้เปิดตัวสักที โดยมีโปรแกรมลงสนามในศึก ONE: DANGAL ซึ่งเป็นรูปแบบบันทึกการแข่งขัน ออกอากาศในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้ เวลา 17.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
ตะวันฉาย กล่าวว่า “ผมอยากชกใน วัน แชมเปียนชิพ มากครับ หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาก็นับวันรออยากให้มีรายการไวๆ พอทางค่ายบอกว่ามีโปรแกรมขึ้นชกแล้ว ก็ดีใจมากๆ ซึ่งคู่ชกคนแรกของผมก็คือ ฌอน แคลนซี นักมวยไอร์แลนด์สายบู๊ คนเดียวกับที่เคยชกกับ พงษ์ศิริ (พี.เค.แสนชัยฯ) ครับ”
ความตั้งใจของ ตะวันฉาย เขาต้องการความปังดังตั้งแต่เปิดตัวนัดแรก ชนิดแฟนๆ ทั่วโลกต้องจดจำชื่อเขาได้ และด้วยหน้าตาหล่อระดับเป็นพระเอกซีรีส์เกาหลี บวกกับฝีมือฉกาจหาตัวจับยาก อาจส่งให้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์เบอร์ต่อไปของประเทศไทยใน วัน แชมเปียนชิพ ก็เป็นได้
การปรากฏตัวของ ตะวันฉาย ในนัดแรก เขาตัดสินใจขึ้นชกในพิกัดน้ำหนักรุ่นแบนตัมเวต (61.3 – 65.8 กก.) รุ่นเดียวกับพี่ๆ ร่วมค่าย ทั้ง รถเหล็ก, พงษ์ศิริ, ก้องศักดิ์, เมืองไทย เรียกว่า ขุนทัพ พี.เค.แสนชัยฯ ลงสนามในรุ่นนี้ทั้งหมด ที่สำคัญเขามีโอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากับเจ้าตำนานผู้ครองบัลลังก์มวยไทยรุ่นนี้มาอย่างยาวนาน คือ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” รวมถึงอาจหันมาชกคิกบ็อกซิ่งเพื่อชิงเข็มขัดจาก “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” ได้ด้วย
ส่วนในอนาคต ตะวันฉาย มีแนวโน้มที่จะโตขึ้นกว่านี้อีกแน่ เพราะด้วยโครงสร้างสูงใหญ่ เขาสามารถไต่ขึ้นไปสู้ในรุ่นเฟเธอร์เวต (65.9 – 70.3 กก.) ได้ แต่นั่นหมายความว่าเขาจะต้องเจอกับเสือสิงห์หลายคน ทั้ง เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี เจ้าของบัลลังก์ ONE มวยไทย, สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง, ซุปเปอร์บอน นี่ยังไม่รวมถึงบรรดาแถวหน้าแห่งวงการคิกบ็อกซิ่งอีกหลายคน