“ฤทธิ์เทดา” ได้ฤกษ์โกอินเตอร์ใน วัน แชมเปียนชิพ อย่างเป็นทางการ – SMMSPORT

“ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ฤทธิ์เทวดา สิทธิกุล” เพิ่งจรดปากกาเซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ อย่างเป็นทางการ ในฐานะขุนศึกคนล่าสุดจากค่ายเพชรยินดีฯ พร้อมลุยศึกบนเวทีโลกทั้งกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่งในรุ่นแบนตัมเวต

มวยฝีมือ ฤทธิ์เทวดา หรือชื่อจริง นาย​ธนกฤษ สิทธิ​กุล​ ชื่อเล่น “ปั่น” เป็นคน อ.รัตนบุรี​ จ.สุรินทร์ เกิดวันที่ 15 มิถุนายน 2539 เริ่มต้นชกมวยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ โดยสังกัดค่ายมวยสิทธิกุลของครอบครัว ซึ่งเป็นค่ายมวยเล็ก ๆ แต่เมื่อมองถึงความก้าวหน้า เขาจึงตัดสินใจย้ายออกจากรัง และเลือกมาซบอกกับ เพชรยินดีอะคาเดมี ค่ายมวยมาตรฐานที่ผลิตนักสู้ที่ก้าวสู่ระดับอินเตอร์มาแล้วหลายคน

ปัจจุบันในวัย 25 ปี ฤทธิ์เทวดา ผ่านศึกมาแล้ว 195 ไฟต์ ชนะ 154 แพ้ 38 เสมอ 3 โดยขึ้นชื่อว่าเป็นมวยซ้ายที่มีเทคนิคชั้นสูง มีความเร็ว ไอคิวมวย และสายตาดี สามารถกวาดแชมป์มวยไทยมามากมาย ได้แก่ แชมป์สนามมวยเวที​ลุมพินี​ รุ่น 140 ปอนด์, แชมป์ ​WMC รุ่น ​140 ปอนด์, แชมป์​สนามมวยเวทีช่อง 7 สี รุ่น 140 ปอนด์ และยังเคยประมือกับนักมวยแถวหน้ามามากมาย อาทิ ยอดวิชา, ยอดพนมรุ้ง จิตรเมืองนนท์, แสงมณี, ปกรณ์ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม, ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่ 9, และ พงษ์ศิริ พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม รวมทั้งยังเคยชกคิกบ็อกซิ่งในฐานะนักกีฬามวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยมาแล้วด้วย

เจ้าตัว เผยความรู้สึกกับโอกาสครั้งใหม่ว่า “ผมรู้สึกดีใจมากครับที่ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งถือเป็นเวทีใหญ่ระดับโลก มันเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้โชว์ฝีมือในเวทีระดับโลกและได้เจอกับนักสู้เก่ง ๆ จาก ทั่วโลก ซึ่งผมก็ตั้งใจจะพิสูจน์ตัวเองว่าผมมีความสามารถมากพอ โดยผมตั้งเป้าว่าอยากจะลงแข่งขันทั้งในกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่งครับ จากนี้ ผมก็จะพยายามเต็มที่เพื่อไปถึงเป้าหมายสูงสุดคือการเป็นแชมป์โลก ONE ครับ”

ด้วยน้ำหนักของ ฤทธิ์เทวดา ในปัจจุบัน คาดว่าเขาเหมาะสมที่จะลงแข่งขันในรุ่นแบนตัมเวต (น้ำหนัก 61.3-65.8 กก.)  ซึ่งอาจมีโอกาสได้เจอกับแชมป์โลกฆ่าไม่ตายอย่าง “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ในสายมวยไทย และ “กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี” เจ้าของเข็มขัดแชมป์โลกกติกาคิกบ็อกซิ่ง โดยก่อนหน้านี้ทางเพชรยินดีฯ เคยวางแผนไม่ให้ กัปปิตัน และ น้องโอ๋ มาเจอกัน ดังนั้นเส้นทางของ ฤทธิ์เทวดา จะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องอยู่ที่การตัดสินใจของต้นสังกัด