หลังจากรอคอยมานานถึง 44 ปี โดยวันที่ 4 สิงหาคม 2539 ถือเป็นวันที่วงการกีฬาไทยต้องจำจดเมื่อเอาชนะ เทดา ฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย 8-5 ในรอบชิงชนะเลิศ ในรุ่นเฟเธอร์เวต จากนั้น สมรักษ์ ยังสามารถผ่านการคัดเลือกไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้อีกถึง 2 ครั้ง คือ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่นครซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2543 แต่ตกรอบสาม
และต่อมาในโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในปี 2547 แต่ด้วยสภาพร่างกายที่โรยราจึงตกรอบแรก และแขวนนวมโดยเด็ดขาดหลังจบ “เอเธนส์ 2004”
“สมรักษ์ คำสิงห์” ถือเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ถึง 4 ครั้งติดต่อกันหลังจากรอคอยมานานถึง 44 ปี โดยวันที่ 4 สิงหาคม 2539 ถือเป็นวันที่วงการกีฬาไทยต้องจำจดเมื่อเอาชนะ เทดา ฟิม โทโดรอฟ จากบัลแกเรีย 8-5 ในรอบชิงชนะเลิศ ในรุ่นเฟเธอร์เวต
จากนั้น สมรักษ์ ยังสามารถผ่านการคัดเลือกไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้อีกถึง 2 ครั้ง คือ โอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่นครซิดนี่ย์ ประเทศออสเตรเลีย ในปี 2543 แต่ตกรอบสาม และต่อมาในโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ในปี 2547 แต่ด้วยสภาพร่างกายที่โรยราจึงตกรอบแรก และแขวนนวมโดยเด็ดขาดหลังจบ “เอเธนส์2004”
“บาส” สมรักษ์ คำสิงห์ เกิด วันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2516 เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรของนายสุรัตน์ และนางประยูร คำสิงห์ นับเป็นนักมวยฝีมือดีหาตัวจับยากคนหนึ่ง ขึ้นชกมวยไทยในชื่อ “พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ” ต่อมาหันมาเอาดีทางมวยสากลสมัครเล่น และติดทีมชาติไทยไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์หนแรกในปี 2535 ในโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตกรอบแรก แต่ไม่ท้อกำปั้นเมืองหมอแคนสู้ต่อ และอีก 4 ปีต่อมา สมรักษ์ ผ่านการคัดเลือกไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ได้อีก ในโอลิมปิกครั้งที่ 26 ที่แอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2539
ระเบิดความมันของสุดย…
สนามมวยลุมพินี ประกา…
This website uses cookies.