ความเป็นไทยในโคลอมเบีย

เป็นการจัดร่วมกันระหว่างคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยซานโตโทมัส (Faculty of International Business, University of Santo Tomas) และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ซึ่งครอบคลุมความรับผิดชอบสาธารณรัฐโคลอมเบีย (รวมถึงโบลิเวีย เวเนซุเอลา และเอกวาดอร์)

เสียงเพลงชาติไทยดังก้องหอประชุมเล็กของมหาวิทยาลัยซานโตโทมัสในช่วงเริ่มพิธีเปิด ตามด้วยการกล่าวต้อนรับของมิสเตอร์เฟรย์ โฆเซ กาเบรียล เมซา อังกูโล อธิการบดีมหาวิทยาลัย แล้วจึงเชิญ ฯพณฯ มาร์ธา ลูเซีย รามิเรซ รองประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโคลอมเบียขึ้นกล่าวเปิดงาน ก่อนจะถึงคิวของเอกอัครราชทูตไทย

ท่านสรยุทธกล่าวเน้นถึงความเป็นหุ้นส่วนตามธรรมชาติระหว่างไทยและโคลอมเบียซึ่งเพิ่งฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 40 ปีไปเมื่อ พ.ศ.2562 อีกทั้งทางด้านการค้านั้นไทยถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของโคลอมเบีย ขณะที่โคลอมเบียเป็นตลาดอันดับ 6 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา

ท่านทูตยังได้พูดถึงความร่วมมือเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้กับแผนการพัฒนาของโคลอมเบียในหลากหลายด้าน ทั้งสุขภาพ สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และการใช้พืชเพื่อประโยชน์ทางยา นอกจากนี้ยังมีประเด็นการขยายความร่วมมือระหว่างโคลอมเบียและอาเซียนอีกด้วย โดยท่านเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำโคลอมเบียก็ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมงานนี้

จากนั้นบรรดานักศึกษาได้ชมรำไทยชุด “นาฏลีลาฟ้าหยาด” จากคณะสุภาพสตรีชาวไทยในสหรัฐอเมริกา นำโดยคุณนิรมล ศิริวงศ์ และคุณกาญจนา บาร์คเกอร์ สองนางรำที่สละเวลาบินจากสหรัฐอเมริกามาร่วมเผยแพร่วัฒนธรรมไทยถึงโคลอมเบีย โดยในเวลาปกตินั้นทั้งคู่มีอาชีพเป็นนางพยาบาลอยู่ในนครนิวยอร์ก

แล้วก็ถึงสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดความภาคภูมิใจของคนไทย เมื่อได้เห็นชาวต่างชาติต่างภาษาที่อยู่ห่างกันถึงครึ่งโลกสาธิตศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเราได้อย่างงดงาม ทั้งมวยไทยและมวยโบราณ หนึ่งในผู้ขึ้นโชว์คือนักมวยไทยอายุเพียง 8 ขวบเท่านั้น

ผมได้มีโอกาสคุยกับประธานสมาพันธ์มวยไทยแห่งโคลอมเบีย “เดวิด กอนซาเลซ” เขามาจากเมืองเมเดยิน (Medellin) และตัวสมาพันธ์ก็ตั้งอยู่ที่เมืองนี้ ถึงจะเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญอันดับ 1 ของโคลอมเบีย แต่ก็ยังมีชุมชนคนยากจน และปัญหายาเสพติดยังไม่หมดไป แม้ปาโบล เอสโคบาร์ หัวหน้าขบวนการค้ายา “เมเดยินคาร์เทล” จะถูกปลิดชีพไปนานแล้วก็ตาม

เดวิดเล่าว่า เขาใช้มวยไทยเข้าหาชุมชนแล้วนำเด็กๆ สู่โลกของมวยไทย เวลานี้มีเยาวชนจำนวนมากฝึกมวยไทยอยู่ในค่ายมวยของเขา ไม่น้อยได้ขึ้นชกบนเวทีมาตรฐานรายการสำคัญ หนึ่งในนั้นคือ “ดานิเอลา รามิเรซ” แชมเปียนมวยหญิงรุ่น 51 กิโลกรัมแห่งภูมิภาคอเมริกาใต้

ด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์อย่างกับเด็กสาว ผมนึกว่าดานิเอลาอายุคงไม่เกิน 17 ปี เธอเฉลยว่าตอนนี้อายุ 21 ปี และชกมวยไทยมาได้ 4 ปีแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนก็เพิ่งบินไปชกในรายการของสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (International Federation of Muay Thai Associations หรือ IFMA) ที่กรุงเทพฯ และเข้ารอบลึกจนเกือบได้เหรียญทองแดง

ดานิเอลาเปิดเผยว่าตกหลุมรักมวยไทยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัสในค่ายของเดวิด ทุกวันนี้เธอไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีมวยไทย ผมถามเธอว่าอาวุธหรือแม่ไม้มวยไทยที่เธอถนัดคืออะไร เธอตอบว่าชอบเตะสูง ผมเองไม่ค่อยได้ติดตามมวยไทยสมัยใหม่มากนัก แต่ชมเทปการชกของอดีตยอดมวยอยู่บ่อยครั้ง แนะนำให้เธอดูเทปของ “ไอ้หมูแข้งทอง” ผุดผาดน้อย วรวุฒิ และ “จอมเตะแห่งบางนกแขวก” อภิเดช ศิษย์หิรัญ สองสุดยอดมวยเตะในอดีต

สำหรับผุดผาดน้อยนั้นยังมีคุณูปการเหลือล้นกับวงการมวยไทยอีกอย่าง ท่านคือผู้นำศิลปะการต่อสู้ประจำชาติของเราไปเผยแพร่ในโลกตะวันตกเป็นท่านแรกที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อ 40 กว่าปีก่อน ทุกวันนี้นักมวยไทยชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง ส่วนมากคือลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของผุดผาดน้อย และหากไม่ใช่เพราะหมูแข้งทองแล้ว “มวยไทย” ในภาษาสากลคงไม่ถูกเรียกว่า Muay Thai แกยืนกรานกับชาวฝรั่งเศสเมื่อสมัยโน้นว่าต้องใช้คำนี้เท่านั้น อย่าไปเรียก Thai boxing หรือคำอื่นเด็ดขาด
ดานิเอลาเข้ายูทูบดูผุดผาดน้อยเตะซ้าย ถึงกับร้องอู้หูออกมา เธอว่า “เตะสวยมากและแรงมาก” จะนำไปศึกษาเพิ่มเติม

ผมบอกเดวิดว่าขอฝากมวยไทยไว้กับเขาและสมาพันธ์ของเขาด้วย เพราะมักมีคนพูดว่าทุกวันนี้ถ้าอยากดูมวยไทยให้ดูฝรั่งต่อย และถ้าอยากดูมวยปล้ำให้ดูมวยไทย เดวิดทำท่านึกภาพแล้วหัวเราะออกมา

งานสัปดาห์แห่งมิตรภาพของวันแรกปิดท้ายลงด้วยการทำอาหารไทยบริเวณภายนอกอาคารเพื่อให้นักศึกษาและอาจารย์ได้ชิม คุณไพลิน คำศิริ และคณะสุภาพสตรีจากอเมริกาซึ่งเวลานี้กำลังติดตามพระธุดงค์เพื่อสันติภาพอยู่ในลาตินอเมริกาช่วยกันผัดช่วยกันเสิร์ฟ โดยคุณภควัจน์กุญชร วิภาสเศรณี เจ้าของร้านอาหารไทยในเม็กซิโกเป็นผู้เตรียมวัตถุดิบมาให้ คนที่มาเข้าคิวรับอาหารมีมากกว่าผู้ที่เข้าร่วมงานในหอประชุมอย่างเห็นได้ชัด
วันต่อมา กิจกรรมดำเนินต่อไปทั้งบนเวทีและออนไลน์ ในประเด็นโอกาสและความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม ทั้งยังได้เน้นย้ำมิติทางศาสนา มีพระสงฆ์จำนวน 8 รูปเข้าร่วมงาน นำโดยท่านเจ้าคุณวิจิตรธรรมภาณี เจ้าอาวาสวัดฟลอริดาธรรมาราม เมืองคิสซิมมี มลรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และพระสุธรรม ฐิตธรรมโม พระสงฆ์เดินธุดงค์รอบโลก
ท่านเจ้าคุณวิจิตรธรรมภาณีรับนิมนต์ขึ้นกล่าวบรรยายบนโพเดียม ให้อรรถาธิบายแก่นักศึกษาในหัวข้อ Mind Development ช่วงท้ายของการบรรยายท่านเจ้าคุณฯ ได้ฉายภาพบรรยากาศของวัดฟลอริดาธรรมารามบนฉากหลังของเวที และได้เชิญชวนนักศึกษาและอาจารย์ให้เดินทางไปเยี่ยมชมหรือปฏิบัติธรรมที่วัดฟลอริดาธรรมาราม (อ่านข้อมูลของวัดและประวัติของท่านเจ้าคุณฯ ได้ที่ www.watfloridadhammaram.com)
ต่อมาเป็นการบรรยายจากพระสงฆ์ฝรั่ง 2 รูป ได้แก่ “ภันเตสุทธาโส” พระสงฆ์ชาวอเมริกันจากวัดป่า Empty Cloud มลรัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐอเมริกา ในหัวข้อความเมตตา สันติภาพ และความสุข ต่อมา “ไอยา โสมา” ภิกษุณีชาวอิตาเลียน สังกัดวัด Empty Cloud เช่นเดียวกัน บรรยายหัวข้อการเปลี่ยนความทุกข์เป็นความสุขโดยหลักธรรมของพุทธศาสนา

จากนั้นมีการสาธิตนวดไทย หมอนวดชาวไทยจากร้าน Baw Thai Spa ในกรุงโบโกตาขออาสาสมัครนักศึกษา 1 คนขึ้นไปนอนให้นวดบนเวที ปรากฏว่าวิ่งขึ้นไปหลายคน สุภาพบุรุษที่ไปถึงก่อนผายมือสละสิทธิ์ให้กับเพื่อนสุภาพสตรีที่ถึงเส้นชัยเป็นอันดับ 2 นวดเสร็จเธอบอกความรู้สึกกับเพื่อนๆ นักศึกษาในหอประชุมผ่านไมโครโฟนว่า “มหัศจรรย์”

กิจกรรมวันนี้ปิดท้ายด้วยการทำแกงเขียวหวานไก่ราดบนแผ่นแป้งตอร์ติยา เพราะไม่มีโรตี แต่ท่านว่าก็ยังเข้ากันได้ดีนักแลเช่นกัน แม่ครัวและทีมงานช่วยกันปรุงแล้วเสิร์ฟ 4 กระทะใบใหญ่จนเครื่องแกงเขียวหวานหมด จำเป็นต้องเสริมด้วยแกงแดงอีก 2 กระทะ นักศึกษาต่อแถวรับไม่ขาดสาย จากชามกระดาษใบแรกถึงใบสุดท้ายกินเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ผมได้คุยกับนักศึกษาที่ชิมแกงเขียวหวานไก่ได้รับคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “เผ็ดแต่อร่อย” บางคนไม่ได้เรียนที่นี่ก็มาร่วมกิจกรรมและร่วมประทานอาหารไทย

กิจกรรมวันที่ 3 ซึ่งเป็นวัดสุดท้าย ครึ่งแรกเป็นการถ่ายทอดออนไลน์มาจากเมืองไทย ผมเองได้เข้าไปในหอประชุมตอนที่คณะนางรำชุดที่รำวันแรกกำลังฟ้อนโชว์ลวดลายอีกรอบบนเวที จากนั้นเป็นการแสดงของคุณทอดด์ ทองดี ในชุด My Journey with Thai and World Music นักศึกษาร่วมร้องเพลงกับคุณทอดด์กระหึ่มหอประชุม เพราะทางผู้จัดงานแจกเนื้อร้องให้กับนักศึกษาไว้ก่อนแล้ว

มวยไทยยังคงเป็นตัวชูโรง เดวิด กอนซาเลซ และทีมงานยังไม่เดินทางกลับเมเดยิน เขาขึ้นเวทีไปชักชวนนักศึกษาทั้งหญิงชายที่อยากสัมผัสวิชามวยไทย รวมทั้งท่านทูตสรยุทธด้วย ทีมงานจากสมาพันธ์มวยไทยแห่งโคลอมเบียจับคู่ล่อเป้ากับนักศึกษา ส่วนเดวิดจับคู่กับท่านทูต หมดช่วงนี้ก็มีการเล่นเกมเข่าทนและเตะทน ได้ผู้ชนะ 3 คน รับรางวัลกางเกงมวยไทยกลับบ้าน

ท่านทูตกล่าวถึงมวยไทยและประสบการณ์เกี่ยวกับมวยไทยว่าเคยฝึกเมื่อสมัยยังเป็นเด็กน้อยที่จังหวัดอุดรธานีบ้านเกิด ที่ผมแปลกใจว่าท่าน “เป็นมวย” และออกอาวุธได้หนักหน่วงในตอนแรก ก็หมดข้อสงสัย

ท่านทูตกล่าวปิดงานว่า มั่นใจว่าการจัดงานครั้งนี้ได้ส่งผลและผลักดันความสัมพันธ์ไทย-โคลอมเบียอย่างเต็มประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ครอบคลุมทุกขอบข่าย และหวังว่าจะมีการจัดงานลักษณะนี้ขึ้นอีกในโอกาสต่อไป

เดวิด กอนซาเลส เข้ามาคุยกับผมและชวนไปเที่ยวเมเดยิน บอกว่าจะพาชมค่ายมวยและชมเมือง ผมคิดว่าจะตอบรับคำชวนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมเดยินคือเมืองอากาศดีทั้งปีจนได้รับการขนานนามให้เป็น The City of Eternal Spring
นอกจากนี้ก็จะไปดูซิว่า “ดานิเอลา” เตะสูงไปถึงไหนแล้ว.