“ดร.เอ้”ควง “ดาด้า” ว่าที่ผู้สมัครสก.เขตหนองจอก ลุยพื้นที่ทิ้งขยะ แนะใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหาเอาอย่างญี่ปุ่น ที่ทำสำเร็จมาแล้ว เผยอยากเปลี่ยนทุกด้านในหนองจอก มั่นใจทำได้จริง
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับน.ส.ณัฐิดา เตาเฟ็ส หรือดาด้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.หนองจอก ลงพื้นที่เขตหนองจอกซึ่งเป็นเขตที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ พบว่า เป็นพื้นที่ที่มีคนนำขยะมาทิ้งเป็นจำนวนมาก ขยะดังกล่าวนอกจากเป็นขยะในพื้นที่แล้วยังมีขยะมาจากพื้นที่อื่นนำมาลักลอบทิ้ง ซึ่งเรื่องขยะก็อยู่ในความดูแลของ กทม. แต่การมาดำเนินการเก็บขยะเพียงสัปดาห์ละครั้งไม่สามารถเก็บได้หมด ทำให้มีขยะล้นถึงริมถนนหลักที่ชาวบ้านในสัญจร หลายครั้งมีการลักลอบเผาขยะ ทำให้เกิดควันและแก๊สพิษลอยเข้าชุมชน ส่งผลให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ เป็นภูมิแพ้
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า จึงเสนอให้มีการติดกล้องวงจรปิด และติดไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ เพื่อเก็บไปใช้เป็นหลักฐานได้ พร้อมกับเสนอให้ เปลี่ยนวิธีการจัดการขยะ เนื่องจากรถขยะของกทม. ต้องวิ่งข้ามหลายเขต ทำให้เก็บขยะไม่ทันเพราะเสียเวลาวิ่งรถ การมีเตาเผาขยะแบบปิดขนาดเล็กในเขต เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทำสำเร็จมาแล้ว มีความสะอาด ปลอดภัย ทำให้รถเก็บขยะได้เร็ว วิ่งระยะสั้น และทั่วถึง ซึ่งการต่อสู้กับปัญหานี้ สามารถใช้เทคโนโลยีที่นับวันมีความฉลาดมากขึ้นสามารถเข้าแก้ไขปัญหาได้
นายสุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า ยังพบว่าพื้นที่เขตหนองจอก มีสาธารณูปโภคและถนนผุพัง ซึ่งคาดว่า กทม. ต้องใช้งบประมาณเพื่อซ่อมแซมมากกว่าราคาที่สร้าง เนื่องจากต้องซ่อมแซมหลายครั้ง อีกทั้งยังมีหลายแห่งไม่ได้รับการดูแล รวมไปถึงบริเวณชุมชนบึงฝรั่ง พบว่าถนนริมคลองเกิดการทรุดตัว ต้องรื้อซ่อมแซมใหม่เพื่อเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างกันดินทรุด ดังนั้นจึงมองว่าเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง ไม่ใช่เป็นเรื่องการสร้างความสะดวกสบายเท่านั้น แต่พันไปถึงเรื่องอุบัติเหตุด้วย เนื่องจากคนหนองจอกขับขี่จักรยานยนต์ไปทำงานเป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่มีไฟฟ้าส่องทาง อีกทั้งมีถนนที่ผุพังอันตราย ทำให้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และในภาพรวมทั้งใน กทม. จนถึงระดับประเทศ ก็มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุด้วยรถจักรยานยนต์ที่น่าจะถือได้ว่ามากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกก็ว่าได้
“เขตหนองจอกจึงเป็นเขตหนึ่งที่ผมตั้งใจอยากพัฒนา เปลี่ยนทุกด้านทั้งคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเด็ก ที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ คุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยขยะ มลพิษ คุณภาพสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟต้องสว่าง ถนนต้องดี เรามาศึกษาปัญหาและตรงกับวิสัยทัศน์ว่า วันนี้เราต้องเปลี่ยนกรุงเทพ มั่นใจว่าเราทำได้จริงๆ”สุชัชวีร์กล่าว
นอกจากนี้นายสุชัชวีร์ ยังได้พบกับ ครูอนุสรณ์ วารุณ หรือ “มุสลิม ฮ. มหาชัย” ที่ค่ายมวยศักดิ์วารุณ (ดาด้ายิม) ซึ่งได้ใช้พื้นที่คอกวัวพัฒนาเป็นศูนย์เยาวชนต้นกล้ามวยไทยหนองจอก ที่ประชาสำราญ ซอย 3 เพื่อดูแลเด็กในชุมชน ประมาณ 11 คน ซึ่งบางส่วนเป็นเด็กกำพร้าไร้ที่อยู่ และยังรับฝึกเด็กในชุมชน อีกประมาณ 25 คน ให้เรียนรู้ และได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา ส่งเรียนในโรงเรียน สังกัด กทม. โดยคาดหวังว่ากีฬา และการศึกษาจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กและเยาวชนไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และอาชญากรรม โดยนายสุชัชวีร์ ได้มอบข้าวสาร จำนวน 2 กระสอบให้กับค่ายมวยดังกล่าว เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานต่อไป