ทาบ วีระพล ไปสอนมวยญี่ปุี่น – แรมบ้า ครวญคนมวยสาหัส วอนรัฐเปิดทางยังชีพ Khaosod – ข่าวสด

สืบเนื่องจากวิกฤตไวรัสโควิด ที่ยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมไทยในวงกว้าง แม้ภาครัฐเริ่มมีการผ่อนปรนให้ กีฬาบางชนิดอย่าง ฟุตบอลไทยลีก เตรียมกลับมาแข่งขันได้ตั้งแต่เดือนกันยายน 64 เป็นต้นไป รวมทั้งกำลังพิจารณารายละเอียดของวงการมวยถึงการอนุญาตให้กลับมาทำการจัดการแข่งขันได้หรือไม่นั้น

ในส่วนของคนวงการมวย ซึ่งได้รับผลกระทบเดือดร้อนอย่างสาหัสต่อเนื่องมานานข้ามปี มีนักมวยจำนวนมากต้องเลิกชก พยายามหาทางออกเพื่อการยังชีพ

ล่าสุด วีระพล นครหลวงโปรโมชัน อดีตแชมป์โลกขวัญใจชาวไทย ซึ่งเลิกแขวนนวมไปนานหลายปี และมีอาชีพพ่อค้าเปิดร้านอาหารของตัวเองที่ จ.ชัยภูมิ เผยว่า นับแต่วิกฤตโควิดเป็นต้นมา และทางการไม่อนุญาตให้เปิดบริการลูกคัาที่ร้านได้ ทำให้รายได้นั้นหดหายไปเกือบหมด แม้จะให้ลูกค้ามาสั่งซื้ออาหารกลับบ้านได้ แต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ไม่เหมือนกับการเปิดร้านบริการลูกค้าให้มานั่งกิน

ขณะเดียวกัน วีระพล เผยอีกว่า เมื่อ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีอดีตนักมวยรุ่นน้องคนหนึ่งที่ญี่ปุ่นได้โทรมาคุยและทาบทามให้ตนไปช่วย เป็นเทรนเนอร์ให้กับ “ไกโจ้” (ลูกพี่) ชาวญี่ปุ่นที่จะเปิดค่ายมวยใหม่ขึ้น พร้อมระบุตัว วีระพล มาโดยเฉพาะว่าสนใจจะรับงานนี้หรือไม่

อดีตแชมป์โลก 2 สถาบัน (WBA-WBC) กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียดายไม่น้อย จำใจต้องปฏิเสธไป เพราะตอนนี้ ก็ยังช่วยทำมวยให้กับค่าย “ดาบรันสารคาม” อยู่ด้วย แต่ก็ได้ฝากขอบคุณไปยังหัวหน้าค่ายมวยชาวญี่ปุ่นที่ยังให้เกียรติ

สำหรับ วีระพล นั้นเคยไปได้แชมป์โลก WBC ที่ญี่ปุ่น ด้วยการชนะน็อก โจอิชิโร่ ทัตซึโยชิ และเดินทางไปป้องกันตำแหน่งอีกมากมายหลายครั้ง รวมทั้งเสียแชมป์โลกที่นั่นด้วย จึงเป็นที่รู้จักของแฟนๆมวยชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี

ส่วนที่จังหวัดชลบุรี บ้านเลขที่ 39/1ซอยเนินพับหวาน หนองปรือ ,บางละมุง พัทยากลาง ค่ายมวยแรมบ้า ของ “ครูแรมบ้า” สมเดช ศิษย์ อ. (เอ็ม-16) อดีตนักมวยไทยชื่อดัง และอดีตแชมป์โลก “มวยกรง” MMA คนแรกของไทย ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายฝึกสอนมวยไทย และ เอ็มเอ็มเอ ให้กับคนไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้งเลี้ยงดูเยาวชน ที่พ่อแม่นำมาฝากให้ฝึกมวยไทย แถมยังต้องอยู่ในความดูแลอุปการะของ สมเดช นับสิบคน

แต่ด้วยวิกฤตไวรัสร้ายต่อเนื่องข้ามปี ล่าสุด ครูแรมบ้า เปิดใจ นับตั้งแต่เกิดโควิดระบาด และวงการมวยถูกแบนห้ามจัดแข่งขันมายาวนานต่อเนื่อง ยอมรับว่า ส่งผลกระทบต่อตนมาก รวมทั้งการใช้ชีวิตของชาวบ้านทั่วไป ในเมืองพัทยาตอนนี้เงียบเหงามาก แทบจะเป็นเมืองร้างเลยทีเดียว

“ตัวผมเอง นอกจากสอนมวยฝรั่งและเยาวชนแล้ว ยังมีห้องพักให้เช่าอีก 16 ห้อง และต้องเลี้ยงดูเด็กๆอีก 9 คน ตอนนี้ ห้องเช่าลูกค้าออกหมดเหลือเพียงแค่ 4 ห้อง เด็กๆที่ต้องดูแลเหลือเพียง 4-5 คน เพราะพ่อแม่เขาตกงานต้องกลับบ้านจึงมาขอรับลูกกลับไป”

สมเดช ขยายความอีกว่า “นับตั้งแต่ทางการสั่งปิดล็อกดาวน์ระลอก 3 นี้ ยิ่งสาหัสเข้าไปอีก
ก่อนหน้านี้ผมและเด็กๆแถวบ้าน ก็ติดโควิดกันหลายคน แต่เราผ่านการกักตัวเฝ้าระวังและตรวจผลหายกันหมดแล้ว ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ยังพอมีฝรั่งที่เขาจ่ายเงินล่วงหน้าสามเดือนแล้ว มาขอซ้อมมวยกับผม แต่เราต้องย้ายไปซ้อมกันกลางแจ้ง ฝึกสอนกันเบาๆ เช้าๆผมก็พาเด็กๆที่เราอุปถัมภ์ออกวิ่งเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง หากเป็นเมื่อสองปีก่อนจะมีโควิดมา ผมยังได้จัดมวยเด็กการกุศล หารายได้ช่วยเหลือสังคม มอบอุปกรณ์การเรียนให้โรงเรียนและเด็กยากจน แต่มาปีนี้ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

“ค่าใช้จ่ายต่างๆสูงขึ้นหลายเท่า ในขณะที่แทบไม่มีรายรับใดๆเลย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็ยังไม่รู้สถานการณ์ว่า ปีหน้าผมจะยังทำค่ายมวยได้ต่อไปหรือไม่ ตอนนี้คนวงการมวยเฝ้ารอภาครัฐ ว่าจะไฟเขียวกลับมาอนุญาตให้จัดแข่งขันได้เมื่อไหร่ เพราะไม่เพียงแต่คนวงการมวยเท่านั้น ชาวบ้านทั่วไปก็กำลังจะอดตาย เพราะเศรษฐกิจไม่เดิน คนไม่มีงานทำ จึงภาวนาขอให้โควิดหมดๆไป และทุกๆอย่างกลับฟื้นคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน”

สมเดช ศิษย์ อ. หรือ แรมบ้า เป็นครูมวยซึ่งมีลูกศิษย์ชาวต่างชาติมากมาย ทั้งยังเคยเดินทางไปสอนในต่างประเทศถึงทวีปยุโรป รวมทั้งเป็น “พ่อพระ” ที่ดูแลเด็กเล็กที่พ่อแม่ยากจน นำมาฝากเลี้ยงฟรีๆในค่ายมวยหลายคน กล่าวอย่างหมดอาลัย