นักธุรกิจ 100 ล้านท้าต่อยเซียนพระมวยไทยเรียลิตี้

เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ณ เวทีมวยไทยครูดามยิมส์ ซอยสุขุมวิท 36 นายดาม ศรีจันทร์ อดีตนักกีฬาต่อสู้ทีมชาติไทย ในฐานะเจ้าของค่ายยิมส์มวยไทยครูดามทั้ง 7 สาขา และ นายกิตติ จามะธิระกุล ประธานฝ่ายการตลาดบริษัทสุพรีม หรือ “จีแม็ก-ซุปเปอร์แม็ก” ร่วมเป็นประธานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันมวยไทยสมัครเล่นแบบเรียลิตี้ หรือ “KRUDAM FIGHT” (ครูดามไฟต์) ด้วยการเปิดโอกาสและประสบการณ์ครั้งสำคัญให้กับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นนักมวยไทยมาก่อน คือ ชาย 1 คู่ และหญิง 1 คู่ มาเก็บตัวฝึกซ้อมเรียนรู้ทักษะมวยไทยเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนจะดวลกำปั้นกันสัปดาห์สุดท้ายของเดือน เม.ย.นี้ ขณะเดียวกันก็ได้มีการนำเสนอชีวิตความเป็นอยู่ทั้งในเรื่องของหน้าที่การงาน, ชีวิตประจำวัน, ไลฟ์สไตล์แต่ละคน รวมไปถึงการฟิตซ้อมดูแลตัวเองให้มีระเบียบวินัยเพื่อเผยแพร่และถ่ายทอดสดไปทางช่องทีสปอร์ต

สำหรับนักชกทั้งหมด ประกอบด้วย นักมวยชาย นายอนันต์ ปาวา ชื่อเล่น “อนันต์” อายุ 37 ปี อดีตเป็นซีอีโอ กาแฟดอยช้าง และที่ปรึกษาการตลาด บริษัท กาแฟดอยช้าง (ประเทศไทย) ปัจจุบันยังเป็นกรรมการบริษัท เทรดลิงค์ส จำกัด หรือผู้นำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ และยังเป็นผู้บริหารระดับสูงของร้านอัพเปอร์คัทฯ ถือว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มีมูลค่าหลักทรัพย์นับ 100 ล้านบาท จะมาชกในรุ่นน้ำหนัก 70 กก.กับ นายภูมิอติรุจ วงษาเหวก ชื่อเล่น “ภูมิ” อายุ 23 ปี อาชีพฟรีแลนซ์ แถมยังเป็นเซียนพระเครื่องคนดัง อยู่ที่ห้างบิ๊กซี สาขาเพชรเกษม เป็นคู่ต่อกร

ส่วนนักมวยหญิงที่จะห้ำหั่นกัน คือ น.ส.พรศิญา ยู ชื่อเล่น “เปล” ลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน อายุ 27 ปี อาชีพเป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ แถมยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังงานโฆษณาดังต่างๆ อีกมากมาย จะชกในรุ่นน้ำหนัก 52 กก.กับ น.ส.ชัชชญา ธนดำรงเลิศ ชื่อเล่น “โอ” อายุ 28 ปี เจ้าของร้านขายชุดไทย ซึ่งในวันนี้เป็นการเปิดกล้องและแนะนำตัวแต่ละคนแบบเรียลิตี้ขึ้นเป็นครั้งแรก

นายดาม ศรีจันทร์ ในฐานะเจ้าของโครงการมวยไทยเรียลิตี้ เปิดเผยว่า จากอดีตที่ผ่านมาคนต่อยมวยไทยนั้นมักเป็นคนยากจนตามต่างจังหวัด หรือไม่ก็มีความรู้น้อย แต่ทุกวันนี้โลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว คนมีฐานะร่ำรวย หรือมีหน้าที่การงานใหญ่โตในสังคมก็หันมาสนใจกีฬาชนิดนี้มากขึ้น เห็นได้จากจำนวนสมาชิกที่เข้ามาใช้บริการมีทุกระดับทั้งชาย-หญิง รวมไปถึงเด็กและเยาวชน เพราะมวยไทยไม่ใช่เพียงแค่ใช้พละกำลังเท่านั้น แต่ยังให้ทุกคนมีสมาธิและสติปัญญาความเชื่อมั่นในเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวันด้วย โดยเฉพาะความรับผิดชอบและระเบียบวินัยที่ดีต่อตัวเอง เนื่องจากทั้ง 4 คน ที่เข้ามาร่วมไม่เคยขึ้นชกมวยไทยมาก่อน แต่นี่คือ สิ่งใหม่และความท้าทายในการเอาชนะใจตัวเอง ซึ่งจะต้องเก็บตัวฝึกซ้อมนานเป็นแรมเดือน ใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนนักมวยไทยและไปต่อยกันจริงๆ ภายใต้กฎกติกามาตรฐานสากล

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนแรกของการเก็บตัวฝึกซ้อมนั้น ทุกคนจะได้รับโปรแกรมการฟิตซ้อมทั้งเรื่องพละกำลังและเทคนิคต่างๆ จากครูมวยไทยที่เรามีอยู่ จากนั้นในเดือนที่สองจะได้ 2 อดีตนักชกโอลิมปิกเกมส์ทั้ง วรพจน์ เพชรขุ้ม และ สุริยา ปราสาทหินพิมาย มาคอยเป็นเทรนเนอร์ให้แบบตัวต่อตัวด้วย จากนั้นในเดือนที่สามเราก็จะมีการเทสต์ความพร้อมช่วงโค้งสุดท้าย รวมไปถึงการควบคุมดูแลน้ำหนักของแต่ละคนให้ดี เชื่อว่าจะได้รับความสนใจและกำลังใจจากแฟนหมัดมวยอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น และการเป็นนักสู้ในแบบฉบับของมวยไทย ถือว่าเป็นศิลปะประจำชาติที่ทุกคนต้องหวงแหนและรักษาเอาไว้ เฉกเช่นเดียวกับความสำเร็จของตัวเองในวันนี้ก็มาจากมวยไทย