“กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ” ยังคงใช้ได้ดีในสังคมไทยทุกวันนี้ เพราะหากทุกคนมีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ชนะ รู้อภัยสังคมจะน่าอยู่มากขึ้น
ปัญหาโควิดยังระบาดอย่างหนักแบบหาวันจบยาก ทำให้กิจกรรมทุกอย่างรวมถึงภาคธุรกิจและเศรษฐกิจต้องหยุดชะงักและซบเซาลง
หลายฝ่ายพยายามหันมาใช้เรื่องของกีฬาเป็นสื่อในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า ถึงไม่เหมือนเดิมแต่ได้ขยับบ้างก็น่าจะเป็นผลดี
อย่างเช่นคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มี “ศ.นพ.นิธิ มหานนท์” เป็นประธาน มอบให้ “คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล” ไอโอซีเมมเบอร์ ประธานคณะอนุกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา เดินหน้าเต็มตัวสนับสนุนคนในชาติให้เล่นกีฬาจริงจัง
หนึ่งในโครงการสำคัญคือ การผลักดันให้มี ลานกีฬา เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้สถานที่ในการเล่นกีฬาและออกกำลังกายในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในแหล่งชุมชนหรือสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย และได้เริ่มออกสตาร์ตนับหนึ่งไปแล้วที่ภูเก็ต 1 ใน 25 จังหวัดนำร่อง
ถือว่าใช้เวลาได้คุ้มค่าจริงๆ สำหรับ “คุณหญิงปัทมา” เพราะหลังเสร็จสิ้นภารกิจโอลิมปิกโตเกียว 2020 ก็บินตรงจากญี่ปุ่นมาที่ภูเก็ต เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
แนวทางที่ “ณรงค์ วุ่นซิ้ว” พ่อเมืองภูเก็ตวางไว้คือ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต ด้วยการใช้คอนเนกชันระดับโลกของคุณหญิงปัทมา ประสานองค์กรกีฬาต่างๆดึงการแข่งขันกีฬาระดับโลกไว้ในปฏิทินของจังหวัดภูเก็ต
เพื่อทำให้โครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” สมบูรณ์แบบ เหมือน “เกาะบาหลี อินโดนีเซีย” ที่กำลังจะใช้เรื่องของกีฬาส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการปิดเกาะบางส่วนจัดการแข่งขัน “แบบบับเบิล” แบดมินตันระดับโลก 3 รายการในปลายปีนี้ เช่นเดียวกับไทยที่เคยทำมาแล้ว
หนึ่งในไอเดียของ “คุณหญิง” คือการผลักดันให้จัด “มวยไทยชิงแชมป์โลก” ในเดือน ธ.ค. หากทุกอย่างลงตัว ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ จะมีนักกีฬา เจ้าหน้าที่ 2,000 คน กว่า 100 ชาติมาร่วมชิงชัย เพื่อคัดเลือกไปรายการเวิลด์ เกมส์ และเวิลด์ คอมแบทเกมส์
นอกจากนี้ ทางจังหวัดยังให้คุณหญิงประสานกับ “ยีน ทอดส์” ประธานเอฟวัน ที่มีความสนิทสนมกัน เพื่อดึงรถแข่ง “ฟอร์มูล่า อี” ใช้พลังงานธรรมชาติ มาปิดถนนแข่งในเมือง เพื่อหวังดึงดูดนักท่องเที่ยว
รวมถึงการแข่งขันเรือใบ และกีฬาเอ็กซ์ตรีม ชนิดต่างๆมาจัดที่ภูเก็ตในอนาคตอีกด้วย ดีดลูกคิดแล้ว ถ้ามีศึกใหญ่ระดับโลกเกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง จะทำให้มีเงินสะพัดในแต่ละรายการไม่น้อยกว่า 3 พันล้านบาทเลยทีเดียว
ไม่เพียงนักกีฬา เจ้าหน้าที่ชาติต่างๆเท่านั้น ยังจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมเข้ามาเชียร์ เข้ามาจับจ่ายใช้สอยกินอยู่อย่างคึกคัก เพราะมั่นใจในระบบความปลอดภัยและมาตรการที่เข้มข้น
ที่สำคัญจะมีการถ่ายทอดทีวีหรือสื่อออนไลน์ ต่างๆออกไปทั่วโลกอย่างแท้จริง มีการสร้างงาน สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกเพียบ
หากทุกอย่างสัมฤทธิผลจะมีตัวเลขรายรับ หลายหมื่นล้านบาทรออยู่ข้างหน้า แถมยังได้โปรโมตประเทศไทยไปในตัว มันช่างคุ้มค่าซะจริงๆในห้วงเวลานี้.
ตองเจ
ระเบิดความมันของสุดย…
สนามมวยลุมพินี ประกา…
This website uses cookies.