ย้อนชมภาพ ไฟต์ส่งท้ายปี บัวขาว-เยฟิเมนโก้ ซัดเต็มที่ครบ 3 ยก กินกันไม่ลง ที่เวทีมวยราชดำเนิน – THE STANDARD

เมื่อคืนวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการชกไฟต์สุดท้ายประจำปี 2565 ของยอดนักชกไทย บัวขาว บัญชาเมฆ กับคู่ต่อสู้หนุ่มสุดห้าวจากยูเครน โอเล็กซานเดอร์ เยฟิเมนโก้ ที่เวทีมวยราชดำเนิน เผชิญหน้ากันตามกติกาคิกบ็อกซิ่ง 

รูปเกมการชก เยฟิเมนโก้พยายามใช้ความสดความห้าวบุกตะลุยหวังจัดการบัวขาว ขณะที่บัวขาวแม้จะเสียเปรียบช่วงชกและอายุที่มากกว่าถึง 20 ปีแต่ก็ยังคงความเก๋า ใช้จังหวะลีลาคอยดักใส่อาวุธสวนเข้าใส่เยฟิเมนโก้เป็นระยะ ครบ 3 ยก ไม่มีฝ่ายใดสามารถน็อกอีกฝ่ายได้ จบกันไปแบบไม่มีการตัดสินตามกติกาการชกแบบสาธิต 

บัวขาวกล่าวหลังจบการชกว่า ไฟต์นี้เป็นบทพิสูจน์สิ่งที่ตนเคยกล่าวไว้ว่าต้องไม่ประมาทในการแข่งขัน การฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ และอยากจะเตือนนักสู้ชาวไทยทุกคนว่าการฝึกซ้อมเพื่อขึ้นเวทีสำคัญมาก ขณะที่เยฟิเมนโก้บอกว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ขึ้นเวทีราชดำเนินในวันนี้

โดยผู้บริหารบริษัท GSV ผู้จัดการแข่งขันชกมวยไทยรายการราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ (RWS) เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2566) แฟนกีฬาการต่อสู้เตรียมพบกับความสนุกสนานยิ่งใหญ่กว่าที่ผ่านมาในรายการ KAT Presents Legend of Rajadamnern ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างสมาคมกีฬาคิกบ็อกซิ่งแห่งประเทศไทยและบริษัท GSV โดยการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย

สำหรับ KAT Presents Legend of Rajadamnern เป็นรายการพิเศษของ RWS ที่ค้นหาสุดยอดนักสู้เพื่อมาขึ้นเวทีกับ บัวขาว บัญชาเมฆ ตำนานนักสู้ชาวไทยผู้สร้างชื่อเสียงมาแล้วทั่วโลก โดยในการชกครั้งแรกได้ โคตะ มิอุระ นักชกดาวรุ่งจากญี่ปุ่นมาเป็นคู่ชก เรียกคนดูเข้ามาชมจนเต็มสนาม ตามด้วยการขึ้นชกครั้งที่ 2 กับ โยชิฮิโระ ซาโตะ และปิดท้ายปีด้วยไฟต์กับนักสู้หนุ่มจากยูเครน โอเล็กซานเดอร์ เยฟิเมนโก้ ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นอย่างดี สมความตั้งใจของบริษัทในการยกระดับกีฬามวยไทยและเวทีราชดำเนินสู่ระดับโลก

การแข่งขันนี้จัดในรูปแบบกีฬาสาธิต Exhibition Match มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อยอดกีฬามวยไทยร่วมกับศิลปะการต่อสู้อื่นอย่างกีฬาคิกบ็อกซิ่งที่มีพื้นฐานมาจากมวยไทย สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาและประชาชนทั่วไปเพื่อเพิ่มจำนวนและต่อยอดช่องทางอาชีพให้กับนักกีฬามากขึ้น รวมทั้งสามารถขยายฐานคนดูให้แพร่หลายในทุกกลุ่ม ผลักดันมวยไทยให้เป็น Soft Power ผ่านมาตรฐานและรูปแบบการจัดรายการชกที่มีความทันสมัย อันจะส่งผลให้เวทีมวยราชดำเนินก้าวสู่ Sport Entertainment ระดับโลกต่อไป