เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
โควิดตายเกินสามร้อย 2 วันติด เจอใหม่ 301 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 20,902 คนท้องตาย 3 ราย ขณะที่พยาบาลฉีดซิโนแวค 2 เข็มแล้วยังเสียชีวิต สลด ‘จอมโว เชิญยิ้ม’ ยอดมวยไทยสิ้นใจคาห้องพักกลางกรุง ตรวจพบป่วยโควิด แปดริ้วผวาคลัสเตอร์บ้านพักคนชราเอกชนติดเชื้ออื้อ เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ‘บิ๊กตู่’โผล่ตรวจเยี่ยมไอโซเลชั่น พร้อมกระบวนการผลิตลั่นไม่ท้อ ขอให้คนไทยอยู่กับโควิดให้ได้ สธ.-ศิริราชเปิดผลศึกษาภูมิคุ้มกันฉีดวัคซีนสูตรผสม ‘ซิโนแวค-แอสตร้าฯ’ ภูมิขึ้นสูงกว่าซิโนแวค 2 เข็มและแอสตร้าฯ 2 เข็ม ไม่แนะนำฉีด แอสตร้าฯ ตามด้วยซิโนแวค ‘ธนาธร’ แจ้งข่าวดี ผลิตเครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจน ในอากาศสำหรับผู้ป่วยโควิดสำเร็จแล้ว เตรียม เข้าไลน์ผลิตออกแจกจ่ายเร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์โรค โควิด-19 ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,902 ราย ติดเชื้อสะสม 989,859 ราย รักษาหาย 22,208 ราย หายป่วยสะสม 775,327 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 301 ราย เสียชีวิตสะสม 8,586 ราย คิดเป็น 0.87% อยู่ระหว่างรักษา 205,946 ราย อยู่ในร.พ. 48,895 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 157,051 ราย อาการหนัก 5,439 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,168 ราย
ภาพรวมผู้ติดเชื้อมาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 11,351 ราย กทม.และปริมณฑล 8,627 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 752 ราย เรือนจำ 148 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศมี 24 ราย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย อิสราเอล 2 ราย มาเลเซีย 1 ราย ลาว 1 ราย กัมพูชา 6 ราย และเมียนมา 13 ราย เข้ามาช่องทางธรรมชาติ 3 ราย เป็นชายชาวจีนทั้งหมด
สำหรับผู้เสียชีวิต 301 ราย ซึ่งเป็นยอดเสียชีวิตเกิน 300 ราย 2 วันติดต่อกัน มาจาก 49 จังหวัด ได้แก่ กทม. 79 ราย, ลพบุรี 22 ราย, สมุทรปราการ 21 ราย, ชลบุรี 20 ราย, พระนครศรีอยุธยา 16 ราย, สมุทรสาคร 15 ราย, ปทุมธานี 11 ราย, สระบุรี 10 ราย, นนทบุรี 9 ราย, อ่างทอง 8 ราย, ตาก 7 ราย, นครปฐม นครราชสีมา จังหวัดละ 6 ราย, ปัตตานี ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เพชรบูรณ์ และสระแก้ว จังหวัดละ 4 ราย, ระนอง สุโขทัย นครสวรรค์ ปราจีนบุรี และสิงห์บุรี จังหวัดละ 3 ราย, สงขลา ยะลา นครศรีธรรมราช อุดรธานี ชัยภูมิ พิจิตร ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และเพชรบุรี จังหวัดละ 2 ราย และนราธิวาส ตรัง ภูเก็ต ชุมพร พัทลุง ขอนแก่น อำนาจเจริญ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ เลย อุตรดิตถ์ ชัยนาท น่าน ระยอง ตราด และกาญจนบุรี จังหวัดละ 1 ราย
ผู้เสียชีวิตเป็นชาย 171 ราย หญิง 130 ราย อายุ 26-105 ปี เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 184 ราย คิดเป็น 61% อายุต่ำกว่า 60 ปี มีโรคเรื้อรัง 69 ราย คิดเป็น 23% รวม 2 กลุ่มนี้สูง 84% อายุน้อยกว่า 60 ปีไม่มีโรคเรื้อรัง 45 ราย คิดเป็น 15% และหญิงตั้งครรภ์ 3 ราย คิดเป็น 1% จากอุบลราชธานี ตราด และยะลา พบพยาบาลเสียชีวิต 1 รายที่กทม. ได้รับซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเสียชีวิตที่บ้าน 4 ราย จากลพบุรี 2 ราย จันทบุรี 1 ราย และ กทม. 1 ราย
สำหรับ 10 จังหวัดรายงานติดเชื้อสูงสุด ยอดสูงกว่า 400 รายทั้งหมด ได้แก่ 1.กทม. 4,392 ราย สะสม 230,419 ราย 2.สมุทรสาคร 1,739 ราย สะสม 60,259 ราย 3.ชลบุรี 1,322 ราย สะสม 50,744 ราย 4.สมุทรปราการ 937 ราย สะสม 63,285 ราย 5.นครปฐม 644 ราย สะสม 21,663 ราย 6.นครราชสีมา 639 ราย สะสม 12,569 ราย 7.ราชบุรี 585 ราย สะสม 11,199 ราย 8.นนทบุรี 495 ราย สะสม 38,269 ราย 9.สระบุรี 481 ราย สะสม 14,748 ราย และ 10.ฉะเชิงเทรา 472 ราย สะสม 18,728 ราย
ติดเชื้อ 400 รายขึ้นไป มีอีก 2 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 422 ราย และปทุมธานี 420 ราย ส่วนติดเชื้อเกิน 300 รายมี 3 จังหวัด ได้แก่ ศรีสะเกษ 373 ราย, ระยอง 338 ราย และบุรีรัมย์ 314 ราย
ส่วนการฉีดวัคซีน วันที่ 18 ส.ค. ฉีดเพิ่ม 548,311 โดส รวมสะสม 25,167,060 โดส เป็นเข็มแรก 19,143,574 ราย เข็มสอง 5,503,882 ราย และเข็มสาม 519,604 ราย
สถานการณ์โลกติดเชื้อเพิ่ม 647,079 ราย ติดเชื้อสะสม 209,341,282 ราย เสียชีวิต เพิ่ม 9,935 ราย เสียชีวิตสะสม 4,393,507 ราย ผู้ป่วย วิกฤต 107,832 ราย รักษาหายแล้ว 187,628,209 ราย
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ แถลงเรื่องภูมิคุ้มกันเมื่อฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อผ่านระบบออนไลน์ ว่า กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ได้วิจัยวัคซีนสลับชนิดว่าภูมิคุ้มกันขึ้นสูงแค่ไหน โดยศึกษาในอาสาสมัครทั้งส่วน ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และศิริราช ทั้งกลุ่มประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ 125 ราย เป็นชาย 61 ราย หญิง 64 ราย อายุ 18-60 ปี อายุเฉลี่ย 40 ปี จากพื้นที่กทม.และปริมณฑล ตรวจระดับภูมิคุ้มกัน Quantitative Anti-S RBD ซึ่งเป็นการวัดภูมิคุ้มกันภาพรวม ไม่ได้แยกสายพันธุ์ใด และค่าที่ขึ้นเป็นเฉพาะแล็บของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งหน่วยที่เรียกค่าภูมิคุ้มกันกรณีตรวจภาพรวมเรียกว่า ค่า AU (Arbitrary Unit) โดยการฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิคุ้มกันสูงขึ้นเป็น 117 ส่วนแอสตร้า เซนเนก้า 2 เข็ม ค่าอยู่ที่ 207 ขณะที่การสลับสูตรซิโนแวค ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ภูมิคุ้มกันขึ้นตั้งแต่ 399-1,127 เฉลี่ยที่ 716
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า ช่วงถัดมาไทยมีการฉีดบูสเตอร์โดสให้บุคลากรทางการแพทย์ ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม พบว่าส่วนที่ได้รับ แอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 3 ภูมิคุ้มกันขึ้นเช่นกัน สามารถป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ได้ โดยภูมิคุ้มกัน ขึ้นเฉลี่ย 1,000 เศษ มากกว่าซิโนแวค 2 เข็มเดิมที่ได้รับ 10 กว่าเท่า แต่ยังไม่มีข้อมูลคน ที่บูสเตอร์ด้วยไฟเซอร์ ซึ่งอนาคตต้องตรวจประเมินต่อไป นอกจากจะมีภูมิขึ้นมากน้อยแค่ไหน คำถามคือการฉีดสูตรสลับชนิดมีผลข้างเคียงหรือไม่ กรณีฉีดซิโนแวคและแอสตร้าฯ ผลข้างเคียงเป็นแบบแอสตร้าฯ ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกัน เช่น ใครฉีดแอสตร้าฯ จะมีไข้ ก็มีเช่นกัน โดยติดตาม 2 สัปดาห์เปรียบเทียบกับ 4 สัปดาห์ ผลการติดตามผลข้างเคียง แอสตร้าฯ เข็มสอง คือ มีไข้ร้อยละ 66 ปวดศีรษะ ร้อยละ 33 อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ง่วงซึมร้อยละ 28 ใกล้เคียงกับแอสตร้าฯ 2 เข็ม ดังนั้น สูตรสลับชนิดมีความปลอดภัย
“ข้อมูลดังกล่าวเป็นการตรวจภูมิคุ้มกันภาพรวม ซึ่งมีเทคนิคการตรวจที่ยาก เพราะต้อง ใช้ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 สามารถจัดการเชื้อไวรัสเป็นๆ ได้ โดยวิธีนี้เรียกว่า PRNT หรือ Plaque Reduction Neutralization Test ไม่สามารถตรวจได้ในห้องปฏิบัติการทั่วไป หลักการคือ จะใช้น้ำเลือด หรือซีรั่มมาเจือจางลงเรื่อยๆ และเพาะเชื้อไวรัสที่ต้องการ ทดสอบ และนำมาทดสอบ โดยการเจือจางต้องเจือจางให้ลดหรือกำจัดไวรัสได้ 50% จากนั้นจึงนำมาทดสอบภูมิคุ้มกันในคนที่ได้รับวัคซีน เช่น หากค่าได้ 40 หมายความว่า เราเจือจางได้ 40 เท่า ดังนั้นตัวเลขยิ่งสูงยิ่งดี ที่สำคัญเราทดสอบกับไวรัสจริง วิธีนี้เป็นวิธีมาตรฐาน”
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า จากการตรวจภูมิ คุ้มกันต่อสายพันธุ์เดลตา ซึ่งระบาดในไทยแล้วกว่าร้อยละ 90 โดยในกราฟจะแสดงให้เห็นถึงอาสาสมัครแต่ละรายเกิดภูมิคุ้มกันต่อเดลตาอย่างไร โดยค่าภูมิที่ขีดเส้นกำหนดว่า เท่ากับ 10 โดยตั้งไว้ว่า หากเกินเส้นนี้ถือว่าใช้ได้ ต่อสู้ไวรัสได้ ซึ่งยิ่งเกินมากยิ่งดี อย่างไรก็ตาม ภูมิเหล่านี้โดยธรรมชาติจะเริ่มลดลง สำหรับค่าเฉลี่ยสูตรเดิมซิโนแวค 2 เข็ม ค่าเฉลี่ยขึ้นมาประมาณ 24 เศษๆ ซึ่งเกินเส้นจุดตัดมาตรฐาน ถือว่าใช้ได้ในการกำจัดเชื้อไวรัสในหลอดทดลอง ส่วนการสลับสูตร โดยคนฉีด แอสตร้าฯ เข็มแรก แต่มีอาการข้างเคียง จึงฉีด ซิโนแวคเข็มที่ 2 ค่าที่ได้ไม่ได้แตกต่างจาก ซิโนแวค 2 เข็ม ค่าเฉลี่ยขึ้นมาที่ 25 การสลับสูตรแบบนี้จึงไม่เพิ่มคุณค่ามาก ส่วนกรณีฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม พบค่าเฉลี่ย 76 หมายความว่า สู้เดลตาได้ขนาดเจือจางไป 76 เท่า ส่วนการสลับสูตรซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ ค่าเฉลี่ย 78 เศษๆ ถือว่าพอๆ กันหรือเหนือกว่าแอสตร้าฯ 2 เข็ม
“ภาพรวมสูตรสลับซิโนแวค-แอสตร้าฯ ภูมิขึ้นเช่นกัน ขณะที่ภูมิต่อเดลตาก็ดีมากพอสมควร ดังนั้นการฉีดสูตรดังกล่าวใช้เวลาห่างของ 2 เข็มแค่ 3 สัปดาห์ และนับไปอีก 2 สัปดาห์ภูมิคุ้มกันก็สูงได้เร็วเมื่อเทียบกับการฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ซึ่งกว่าภูมิจะขึ้นต้องใช้เวลามากกว่า” นพ.ศุภกิจกล่าวและว่า ส่วนบูสเตอร์อย่างซิโนฟาร์ม ยังมีข้อจำกัดเพราะ บูสต์เพียง 14 คน แต่ข้อมูลจะพบว่าการบูสต์ซิโนฟาร์มเฉลี่ย 61 ซึ่งมากกว่าซิโนแวค 2 เข็ม 2.5 เท่า ซึ่งขึ้นไม่มากเพราะเป็นแพลตฟอร์มเชื้อตายเหมือนกัน ขณะที่บูสต์ด้วยแอสตร้าฯ ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งบูสต์ด้วยแอสตร้าฯ พบว่าสู้กับเดลตาได้ดีมากถึง 271 ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดบูสเตอร์ ด้วยแอสตร้าฯ ขอให้มีความมั่นใจ”
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า การวิจัยทั้งหมดยังไม่ได้ตอบคำถามว่า 1.ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นมาจะอยู่ได้นานแค่ไหน อย่างการบูสต์ด้วยเข็ม 3 ขึ้นมา 11 เท่า อยู่ได้นานแค่ไหน จึงต้องใช้เวลาในการ พิสูจน์ 2.กรณีไฟเซอร์เพิ่งดำเนินการฉีดก็ต้องรอข้อมูลให้ครบ 2 สัปดาห์หลังจากนั้นจะหาอาสาสมัครมาศึกษาและเปรียบเทียบอีก สรุป 1.คนที่ได้รับวัคซีนสูตรไขว้ ซิโนแวคตามด้วยแอสตร้าฯ จะได้ภูมิคุ้มกันที่ดีพอๆ กับแอสตร้าฯ 2 เข็ม แต่ใช้เวลาสั้นลงเพียง 5 สัปดาห์ 2.หากสลับสูตรเป็นแอสตร้าฯ เข็มแรก และซิโนแวค เข็ม 2 ไม่แนะนำเพราะค่าภูมิไม่แตกต่างซิโนแวค 2 เข็ม ยกเว้นมีอาการแพ้ 3.การฉีดกระตุ้นด้วยแอสตร้าฯ หลังได้รับซิโนแวค 2 เข็ม กระตุ้นภูมิได้ดีมากกับสายพันธุ์เดลตา และ 4.การฉีดกระตุ้นด้วยซิโนฟาร์มหลังรับซิโนแวค 2 เข็ม ภูมิสูงขึ้น แต่ยังน้อย จำนวนคนศึกษายังน้อย 14 คน อาจต้องมีจำนวนเพิ่มขึ้น ส่วนกรณีเบตาจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะจำนวนยังน้อย
เมื่อถามถึงการศึกษาบูสต์ด้วยไฟเซอร์ มีขั้นตอนและใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อไร นพ.ศุภกิจกล่าวว่า เราเพิ่งบูสต์ด้วยไฟเซอร์ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าประมาณ 3-4 แสนราย ขั้นตอนในการ ศึกษาภูมิคุ้มกันจะมีการคัดเลือกอาสาสมัคร คิดว่าไม่ยาก โดยจะใช้หลักการกระจายกลุ่มอายุหลากหลายเพื่อเป็นตัวแทนในการศึกษาครั้งนี้ และจะศึกษาหลังบูสต์ไป 2 สัปดาห์ จะมีการเจาะเลือดมาตรวจ เพาะกับไวรัสตัวจริง ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะทราบ คาดว่า จากนี้ไม่น่าเกิน 1 เดือนจะทราบผล
นพ.ศุภกิจกล่าวถึงการฉีดวิธีใหม่ด้วยการฉีดชั้นผิวหนังว่า จากประสบการณ์คือใช้วัคซีน แค่ 25% ก็กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงเหมือนฉีดเข้ากล้าม 100% หากงานวิจัยนี้ยืนยันและมีโอกาสสำเร็จ ก็จะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการวัคซีนของไทยมาก แต่ต้องรอผลการศึกษาก่อนเพื่อให้ได้หลักฐาน เชิงประจักษ์ โดยจะเร่งมือทำเรื่องนี้ต่อไป
ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์เฟซบุ๊กถึงข้อมูลผลการวิจัยสลับวัคซีนโดยกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์จากกลุ่มตัวอย่างและอธิบายถึงระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มขึ้นของวัคซีนแต่ละชนิด รวมถึงภูมิที่เพิ่มขึ้นของการฉีดไขว้
โดยนพ.ธีระวัฒน์ระบุว่า ข้อมูลที่ทางการออกมาเปิดเผยว่า การใช้เข็มที่หนึ่งคือซิโนแวค และเข็มที่สองเป็นแอสตร้าฯนั้น จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ภูมิที่วัดจะดูสูงกว่าซิโนแวค 2 เข็ม หรือแอสตร้าฯ 2 เข็ม แต่ภูมิที่เห็นนั้นเป็นภูมิรวม ไม่ใช่ภูมิที่ยับยั้งไวรัส และเมื่อดูภูมิเฉพาะ เจาะจงที่ยับยั้งไวรัสเดลตานั้น ที่ดีที่สุดคือ ซิโนแวคสองเข็ม ตามด้วยเข็ม 3 แอสตร้าฯ ดังนั้นข้อมูลนี้ยืนยันว่าประสิทธิภาพของการไขว้ เข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตร้าฯ นั้น ไม่ได้ทำให้มีกำไรขึ้น และไม่ข้ามไปคุ้มกันเดลตา จะเสียแอสตร้าฯ ไปเปล่าๆ หรือไม่”
โผล่จุฬาฯ – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตรวจการดูแลติดตามผู้ป่วยโควิดในระบบโฮม ไอโซเลชั่น และการพัฒนาวัคซีน ที่จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย หลังเก็บตัวเวิร์กฟรอมโฮมนานหลายวัน เมื่อ19 ส.ค.
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมระบบการดูแลและติดตามผู้ป่วยโควิด-19 ในระบบแยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation (HI) และผู้ป่วยที่ดูแลที่บ้านผ่านระบบ TeleHealth และการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 ชนิด mRNA โดยมี นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นพ.สิริฤกษ์ทรงวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีน โควิค-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผู้บริหาร อว. ผู้บริหารสำนักพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ต้อนรับ
หลังรับฟังบรรยายสรุประบบการดูแลและการติดตามผู้ป่วยโควิด-19 ในระบบ HI และ TeleHealth พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ระบบ HI จะช่วยลดความแออัด
“ผมไม่อยากเห็นภาพผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ไหนเขาก็ไม่รับ หากโรงพยาบาลไหนรับไม่ได้ ก็ต้องพูดเหตุผลกับประชาชนด้วยว่าเป็นเพราะ อะไร อยากรู้มีโรงพยาบาลไหนไม่รับผู้ป่วย จะไม่รับอะไรเลยมันไม่ได้ ต้องหาทางไปให้ได้ ไม่ว่าจะไปอยู่หน่วยคัดกรอง หน่วยแรกรับ หรือโรงพยาบาลสนามก็ว่ากันไป”
นายสาธิตรีบชี้แจงว่า ขณะนี้ดีขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้ถ้าเข้าตรวจโรงพยาบาลไหน โรงพยาบาลนั้นต้องรักษา นายกฯ จึงหันไปถามแพทย์ว่าตอนนี้ตัวเลขนิ่งและผู้รักษาหายเพิ่มมากขึ้นแล้วใช่หรือไม่ โดยแพทย์รายงานว่า ใช่ สังเกตได้จากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลจุฬาฯ ที่แต่ก่อนแน่นมาก ตอนนี้เบาลง นายกฯ จึงกล่าวว่า ขอบคุณ ขอบคุณมากมาย แม้จะมี ปัญหาอยู่บ้าง
ขณะเดียวกัน นายกฯ ลองใช้เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว พร้อมหันไปถามแพทย์ตัวเลขพอใจไหม ใช้ได้ไหม ก่อนยิ้มและกล่าวว่า “หัวใจผมเต้นแรงไปหน่อย” จากนั้นพูดคุยสอบถามให้กำลังใจผู้ป่วยที่รักษาที่บ้านผ่านระบบ TeleHealth
จากนั้นคณะแพทย์บรรยายความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 โดยนพ.เกียรติระบุว่า วัคซีนนี้จะกระตุ้นภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ในเลือดได้สูงเทียบเท่าวัคซีน ไฟเซอร์ และสามารถยับยั้งสายพันธุ์ดั้งเดิมได้ดี และสามารถยับยั้งเชื้อข้ามสายพันธุ์ได้ถึง 4 สายพันธุ์คือ อัลฟา เบตา แกมมา เดลตา รวมถึงภูมิคุ้มกันชนิดที-เซลล์ วันนี้ประเทศไทย มีวัคซีน 4 ตัว แต่จะทำอย่างไรขึ้นทะเบียน ขณะนี้เตรียมพัฒนาวัคซีนรุ่น 2 ไว้แล้ว โดยจะใช้เวลาในการผลิต 6 เดือน ดังนั้นไม่ว่า จะระบาดรอบไหนไทยก็จะสามารถรับมือได้ ครั้งนี้ทดสอบแล้วว่าวัคซีนเก็บไว้ได้ 3 เดือน ในอุณหภูมิติดลบ 2-8 องศา แต่หากอยู่ในอุณหภูมิห้องเก็บได้ถึง 2 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับไฟเซอร์ที่เก็บได้เพียง 28 วัน
“ขณะนี้ไทยมีวัคซีน 4 ยี่ห้อที่ดี แต่จะทำอย่างไรให้วัคซีนไทยได้ขึ้นทะเบียนรับรอง และใช้ได้จริงก่อนสงกรานต์ปีหน้า หรือเม.ย.65 ถ้าจะทำให้ดีต้องมีกองทุนอย่างน้อย 3,000 ล้านบาทต่อ 1 วัคซีนกองเอาไว้ และต้องบริหารข้ามระบบราชการ อย.ต้องมีกติกาชัดเจนให้ได้ก.ย.นี้ จะได้รู้ว่าต้องผ่านด่านอะไรบ้าง ถ้ากติกาไม่ชัด 4 วัคซีนไทยจะไม่มีวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนใช้ได้ทันปี 65 และโรงงานต้องเร่งผลิต รวมถึงต้องมีนโยบายการจองซื้อวัคซีนล่วงหน้า ซึ่งนโยบาย 3,000 ล้านขึ้นอยู่กับอย. ถ้าอย.มีนโยบายเหมือนไต้หวัน โดยขึ้นทะเบียนใช้อาสาสมัคร 4,000-5,000 คน และเทียบกับไฟเซอร์และแอสตร้าฯ ซึ่งไต้หวัน ทำไป 1 ตัวแล้ว โดยเทียบกับไฟเซอร์และ แอสตร้าฯ ให้ผลดีเท่ากับแอสตร้าฯ ก็ขึ้นทะเบียนได้เลย เราก็ต้องใช้ 600 ล้านบาท แต่หากเต็มสูตรก็จะอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท รวมถึงงบฯ จัดซื้อวัตถุดิบด้วย ขณะที่ทีมแพทย์อยากให้ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาดูด้วยกัน เช่นตัวแทนจาก WHO และตัวแทนจาก อย.อังกฤษ ยินดีจะมาช่วย”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ได้ติดตามความก้าวหน้า และอยากให้พัฒนาให้ดีที่สุด ทราบว่าจะเป็นปี 65 จะสามารถนำไปสู่การผลิตได้ และวัคซีน 4 ตัวจะมาเสริมวัคซีนหลัก ถ้าวันหน้าวัคซีนหลักมีปัญหาเราก็ปรับมาใช้วัคซีนเสริม วันนี้งบฯ เราให้ 400 ล้านบาท ตนก็ไม่ได้อะไรตรงนี้ แต่ขอให้มีผลสำเร็จที่สามารถตัดสินใจได้ ตนยินดีรวมถึงจะต้องมีการ เตรียมโรงงาน ส่วนกติกาต้องมีการปรับ ต้องไปหารือ อย. เป็นหมอด้วยกันต้องคุย กันได้ วันนี้เราต้องพัฒนาวัคซีนอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจะรับไป ไม่ทำตามระบบราชการมันคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องทำแต่จะทำอย่างไร ให้เร็วขึ้น เรื่องงบรัฐบาลต้องรับผิดชอบในการ ชี้แจง ทุกอย่างต้องมีกติกาและต้องระวังให้ตนด้วย ซึ่งตนก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็ขอบคุณมากๆ ยอดเยี่ยม
จากนั้นเวลา 11.30 น. นายกฯ และคณะเดินทางไปยังอาคารจุฬาพัฒน์ 14 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจเยี่ยมการพัฒนาวัคซีน โควิด-19 ในประเทศไทยและการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโดยใช้เซลล์พืชเป็นแหล่งผลิต (วัคซีนใบยา) ของบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด นายกฯ สอบถามถึงพันธุ์ใบยาต่างๆ ว่ามาจากไหน เพราะคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจว่าเป็นพันธุ์ไทย คณะแพทย์อธิบายว่าเป็นใบยาพันธุ์ออสเตรเลีย เพราะพันธุ์ใบยาไทยมีนิโคติน สูงไม่สามารถนำมาทำยาและวัคซีนได้ ซึ่งได้นำเมล็ดมาเพาะปลูกต่อด้วย จึงไม่จำเป็น ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีก 1 ต้นได้กว่า 1 พันเมล็ด ใบยานี้ใช้ทำวัคซีนและยารักษามะเร็งได้ด้วย และภายในห้องทดลองนี้สามารถปลูกวัคซีนได้ 1-5 ล้านโดสต่อเดือน จากนั้นนายกฯ ร่วมถ่ายภาพกับคณะ พร้อมกล่าวว่านี่คือความภูมิใจของประเทศไทย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยท่าทีเนือยๆ ว่า วันนี้มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และมหาวิทยาลัยในกำกับดูแล แก้ไขปัญหาโควิด-19 ในภาพรวม มีหลายภาคส่วนทั้งโรงพยาบาลภาครัฐ ภาคเอกชนและวันนี้มาให้ความสำคัญแนวทาง การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเสริมระบบ HI ตนได้เห็นความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ได้มีการติดต่อเชื่อมโยงประจำวัน ตรวจสอบ และสอบถามอาการด้วยวาจาทางโทรศัพท์และระบบออนไลน์ ทำให้สามารถทราบความเปลี่ยนแปลงของอาการในแต่ละวัน เพื่อลดปัญหาและภาระ ที่จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่มีความแออัดในขณะนี้
นอกจากนี้เป็นการมาให้กำลังใจคณะแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตวัคซีนของไทย mRNA จากใบยามีความก้าวหน้ามากในขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสนใจในเรื่องนี้และให้แนวทางปฏิบัติมาตลอดจากการรับฟังฝ่ายปฏิบัติทราบว่าประมาณเดือนก.ย.นี้ จะมีความคืบหน้าในระดับหนึ่งในการทดสอบกับมนุษย์ ซึ่งก็ต้องดำเนินการต่อไป และระหว่างนั้นต้องปรับปรุงไปเรื่อยๆ ถ้าทำได้ปีหน้าเราน่าจะมีวัคซีนของเราเอง เหมือนประเทศอื่นเขาทำกัน เป็นความหวังของเรา ตนก็เชื่อมั่นว่าเราต้องทำได้ เราไม่เคยน้อยหน้ากว่าใคร ในเรื่องนี้ และเราก็เดินหน้ามาตลอด
จากการคุยกับคณะหมอ สิ่งสำคัญต้องดูว่าสถานการณ์ช่วงล็อกดาวน์เป็นอย่างไร คงไม่ถึง กับทุกกิจกรรม แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าบางกิจกรรมที่เปิดคนก็ไม่กล้ามากัน เพราะกลัวติดเชื้อ เราก็ต้องดูแลตัวเองกันให้ดี ในส่วนที่รัฐบาลต้องดูแลก็จะทำให้ดีที่สุด สถานการณ์วันนี้ แม้แต่ในโลกสถานการณ์ก็ยังมีปัญหาเยอะพอสมควร สถานการณ์วัคซีนก็เยอะ แต่เราไม่ท้อแท้ จะร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ขอบคุณบุคลากรทุกคน ทั้งในส่วนของรัฐบาล กระทรวง รัฐมนตรี และรองนายกฯ ทุกท่าน รัฐบาลต้องมองไปข้างหน้า หลายวันที่ผ่านมาผมอาจไม่ได้ออกมาพบสื่อ เพราะผมต้องแก้ปัญหาอย่างอื่นไปด้วย ไม่ได้แก้ปัญหาโควิดอย่างเดียว ยังมีปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ผมก็ต้องมีสมาธิในการทำงาน และวันนี้ก็อยาก มาดูความก้าวหน้า และรับเรื่องที่ต้องการให้สนับสนุนในระยะต่อไป ผมก็รับเรื่องทั้งหมด วันนี้เราจะต้องทำอย่างไรให้ประเทศไทยอยู่กับโควิดให้ได้ด้วยความสงบ ถ้าเราไม่สงบมันก็อยู่ไม่ได้ มันจะวุ่นวายร้อนรุ่มไปหมด และทำให้เป็นปัญหาในการทำงาน
วันนี้มาให้กำลังใจ และขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน และฝากไปถึงที่อื่นด้วย เพราะวันนี้มันเกิดหลายอย่าง แต่ถ้าเรามองสถานการณ์ติดเชื้อการแพร่ระบาด การเสียใจไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่วันนี้สิ่งหนึ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือเราจะมีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ถ้าเราสามารถดำเนินการ ได้อย่างที่ได้ทำกันในตอนนี้ ทำแบบครบวงจร ทั้งระบบ มันจะเตรียมการรับสถานการณ์โรคระบาดในอนาคตได้ นั่นคือเรามองวิสัยทัศน์ในภายภาคหน้า และเราจะเดินหน้าเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งก็ต้องดูควบคู่กันไป
วันนี้กำลังให้พิจารณาอยู่ว่า หลังวันที่ 31 ส.ค.นี้ ขึ้นอยู่กับตัวเลขและผลการทำงานว่าจะไปได้อย่างไร เพียงแต่ขอความร่วมมือจากประชาชนนั่นก็คือในเรื่องของใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และอย่าไปทำกิจกรรมอะไรที่เขาไม่ให้ทำ มันเป็นภาระที่ทำให้ เจ้าหน้าที่ต้องมาเสียแรงเสียเวลา และมีโอกาสติดเชื้อไปที่อื่น ขอให้ร่วมมือตรงนี้ ฝากไว้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับข้อสั่งการในการจัดซื้อชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ที่มีข้อมูลไม่ตรงกันกับกระทรวงสาธารณสุขชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าวโดยระบุว่า ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ชี้แจง
ผลิตสำเร็จ – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยความคืบหน้าผลิตเครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนในอากาศสำหรับผู้ป่วยโควิด ได้เป็น ผลสำเร็จแล้ว เตรียมนำเข้าสายการผลิตแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชน เมื่อวันที่ 19 ส.ค.
วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความบนเพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดเผยความคืบหน้าโครงการของคณะก้าวหน้า เพื่อผลิตเครื่อง O2P (Oxygen to People) ซึ่งเป็นเครื่องเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนในอากาศสำหรับผู้ป่วยโควิด
นายธนาธรระบุว่า หลังจาก 3 สัปดาห์ของการทดสอบลองผิดลองถูกและความผิดพลาดนับ 100 ครั้ง วันนี้ตนภูมิใจอย่างยิ่งที่จะประกาศ ให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่าเราประสบความสำเร็จในการผลิตเครื่องต้นแบบ O2P แล้ว และกำลังเร่งเข้าสู่กระบวนการผลิตเป็นจำนวนมากอย่างน้อย 100 เครื่อง เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่เข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข โดยเร็วที่สุด
นายธนาธรระบุต่อว่า ความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากตนคนเดียว แต่เกิดจากข้อมูล ตั้งต้นของสมาคมเมคเกอร์แห่งประเทศไทย ผู้ริเริ่มการคิดค้นผลิตอุปกรณ์ชนิดนี้ที่ทำให้ตนและทีมวิศวกรอาสานำมาต่อยอด ทดลองประกอบเครื่อง หาสูตรที่เหมาะสม รวมทั้ง มีการระดมความคิดจากห้อง Clubhouse ซึ่งมีวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วม ให้ความเห็นจำนวนมาก จนสามารถผลิตเครื่องออกซิเจนนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
“นี่คือการพิสูจน์ว่าฝีมือของนักประดิษฐ์ วิศวกรไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก และในอนาคต เราจะสามารถสร้างซัพพลายเชนการแพทย์ เพื่อลดการพึ่งพิงต่างประเทศ ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยมั่นคงกว่านี้ได้แน่นอน”
นายธนาธรระบุด้วย ว่าในวันที่ 20 ส.ค.64 ในเวลา 12.00 น. ตนจะจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ “คิดไปข้างหน้ากับธนาธร” เพื่อเปิดตัวเครื่อง O2P อย่างเป็นทางการ พร้อมแนะนำที่มาที่ไป และกลไกการทำงานของเครื่อง O2P รวมถึงขั้นตอนต่างๆ ก่อนนำออกใช้งานจริงในเร็ววันนี้
สิ้นจอมโว – นายสุธี ปฐมโพธา หรือ ‘จอมโว เชิญยิ้ม’ อดีตยอดมวยไทยวัย 62 ปี ติดเชื้อโควิดเสียชีวิตคาห้องเช่าย่านประดิพัทธ์ เขตพญาไท กทม. เมื่อค่ำวันที่ 18 ส.ค. ญาติและเพื่อนฝูงวงการมวยทำพิธีฌาปนกิจที่วัดสะพานสูง เขตบางซื่อ กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุธี ปฐมโพธา วัย 62 ปี หรือ จอมโว เชิญยิ้ม อดีตนักมวยไทย ชื่อดังยุคสามสิบปีก่อน เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ตามลำพัง ในบ้านพักห้องเช่า ซ.ประดิพัทธ์ 15 ถ.ประดิพัทธ์ สามเสนใน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. โดยนายจิตรกร วิธูรัตน์ ประธาน ชุมชนอุทัยรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลลูกบ้านในชุมชน เป็นคนแรกที่พบร่างของจอมโว เชิญยิ้ม เสียชีวิต ในสภาพร่างเปลือยเปล่า ภายในห้องพักของตนเอง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญู นำร่างส่งโรงพยาบาลตำรวจ ช่วงค่ำวันเดียวกัน
นายจิตรกรกล่าวว่า จอมโวเพิ่งย้ายมาเช่าบ้านพักอยู่ที่นี่ตามลำพังไม่ถึงปี และเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ทางแพทย์ชนบทมาฉีดวัคซีนแอสตร้าฯ ป้องกันโควิดให้ชาวบ้านในชุมชน สำหรับจอมโวมีโรคประจำตัว เป็นเบาหวาน ได้รับการ ฉีดวัคซีนเรียบร้อยแล้ว ตนทราบจากจอมโวว่า ก่อนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15-16 ส.ค. ไปสังสรรค์กับเพื่อนรวม 3 คน และทราบต่อมาว่าเพื่อนทั้ง 3 คนติดโควิด แรกเริ่มจอมโวกลับมาบ้านเริ่มมีอาการไอ แต่ไม่ได้บอกใคร ชาวบ้านเห็นว่า เริ่มไอรุนแรงผิดสังเกต ตนจึงไปถามดูอาการ เบื้องต้นเจ้าตัวยังปฏิเสธ ตนให้ยาฟ้าทะลายโจรไปทานป้องกันหนึ่งชุด จากนั้นวันรุ่งขึ้นจอมโวโทร.หาตนให้มาช่วยติดต่อพาไปให้หมอตรวจโควิดอย่างละเอียด ตนติดต่อประสานงานให้เรียบร้อย และนัดหมายจะพาไป ในวันพรุ่งนี้ จนถึงช่วงหกโมงวันที่ 18 ส.ค. หลังเสร็จงาน จึงเดินไปดูอาการของจอมโว เมื่อถึงห้องพัก พบอยู่ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า นอนนิ่งไม่หายใจ ทราบว่าเสียชีวิต จึงแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งร.พ.ตำรวจ
“ก่อนเสียชีวิต ทราบว่าเพื่อนข้างห้อง ยังทักทายอยู่ตอนกลางวัน เห็นว่าจอมโว ทานลำไยคนเดียวไปหนึ่งกิโล และนอนพักอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน กระทั่งมาเสีย ชีวิต เบื้องต้นคาดว่าอาจมีอาการหัวใจวาย หรือร้อนใน ซึ่งอาจเป็นผลพวงโรคประจำตัวแทรกซ้อน มาจากการติดเชื้อโควิด ทั้งนี้ คงต้องรอผลสรุปยืนยันจากแพทย์อีกครั้ง” นายกรกล่าว
ด้านเขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์โลกชาวไทย ประธานชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย เผยว่า โดยได้รับการยืนยันจากทางร.พ.ตำรวจแล้วว่า จอมโวเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อโควิด ร่างของจอมโวจะนำไปทำพิธีฌาปนกิจที่วัดสะพานสูง ย่านบางซื่อ เวลา 13.00 น. วันศุกร์ที่ 20 ส.ค.
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวการเสียชีวิตของนางประพาพิมพ์ ศกุนตาภัย แม่ยายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เมื่อคืนวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า โควิด คร่าแม่ยายมาร์ค ผมได้แสดงความเสียใจกับคุณอภิสิทธิ์ที่สูญเสียคุณแม่ประพาพิมพ์ ศกุนตาภัย มารดาของคุณพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภรรยาของท่าน ด้วยโรคโควิด-19 ไป เมื่อวานนี้ ที่โรงพยาบาลจักรีนฤบดินทร์ และได้ทำพิธีฌาปนกิจอย่างเรียบง่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเช้าวันนี้ ที่วัดมกุฏกษัตริยาราม นับว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัว และยากที่จะทำใจได้”
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,322 ราย ยอดติดเชื้อสะสม 50,745 ราย กำลังรักษา 20,324 ราย หายป่วย 30,149 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 7 ราย เสียชีวิตสะสม 273 ราย
นพ.ประภาส ผูกดวง นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 252 ราย ติดเชื้อในจังหวัด 200 ราย จากจังหวัดอื่น 52 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 6 ราย รวม 258 ราย เสียชีวิต 4 ราย เป็นคนไทย 1 ราย มีภูมิลำเนาอยู่จ.ชลบุรี และชาวกัมพูชา 3 ราย อยู่ตลาดโรงเกลือ 2 ราย และโรงงานน้ำตาล 1 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 39 ราย
ส่วนที่ต.ราชบุรี พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 585 ราย มากสุดนับตั้งแต่มีการระบาด ป่วยสะสม 10,666 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 5,693 ราย รักษาหาย 149 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 6 ราย เสียชีวิตสะสม 108 ราย
วันเดียวกัน ตำรวจสภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมแพทย์เวรร.พ.พระนครศรีอยุธยา เข้าตรวจสอบร่างของชายอายุ 66 ปี เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ภายในบ้านหลังหนึ่ง ในต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ญาติแจ้งว่าผู้เสียชีวิตอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง จึงตรวจหาเชื้อโควิด พบติดเชื้อ อาศัยอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว และสุนัข โดยมี อาชีพเป็นช่างซ่อมนาฬิกาอยู่ภายในตลาดเจ้าพรหม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีการระบาดของโควิด ช่วงเช้าวันนี้โทรศัพท์มาหา แต่ไม่ยอมรับสาย จึงเดินทางมาดูพบว่าเสียชีวิตแล้ว
เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตใส่ถุงพลาสติกสำหรับบรรจุศพ ก่อนใส่โลง ระหว่างนั้น พบว่าสุนัขของผู้เสียชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน ส่งเสียงเห่าตลอดเวลา
ต่อมาเจ้าหน้าที่นำศพไปประกอบพิธีฌาปนกิจ ที่วัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 206 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่จังหวัด 164 ราย นอกจังหวัด 17 ราย สถานประกอบการ 25 ราย หายป่วย 915 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล 4,326 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เป็นชายชาวต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
นายโชคชัย สาครพานิช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปราจีนบุรีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ เพิ่ม 233 ราย ติดเชื้อสะสม 6,138 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล 4,254 ราย รักษานอกเขตสะสม 18 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย เสียชีวิตสะสม 61 ราย
ด้านนายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าฯฉะเชิงเทรา ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีสถานประกอบการรับดูแลผู้สูงอายุคนชรา ที่อยู่ระหว่างพักฟื้น แบบช่วยเหลือตัวเองได้ และแบบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ อัมพฤกษ์ครึ่งซีก ที่ไม่มีคนดูแล ซึ่งเป็นของเอกชน มีคนชราที่อยู่ในความดูแลเสียชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด-19 หลายราย
ตรวจสอบพบเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 ห้อง อยู่ติดริมถนนสายฉะเชิงเทรา-สุวินทวงศ์ ก่อนข้ามสะพานคลองหลวงแพ่งที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ โดยมีแรงงานไทยใหญ่กำลังนำผ้าใบสีฟ้าปิดล้อมรั้วของอาคาร
สถานประกอบการแห่งนี้กำลังอยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียน เพื่อเป็นสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาระพึ่งพิงโดยมีการพักค้างคืน ลักษณะกิจการนิติบุคคล เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2564 แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ โดยเปิดดำเนินการมาแล้วกว่า 1 ปี
เบื้องต้นทราบว่ามีผู้สูงอายุเข้าพักอาศัย 22 คน พบติดเชื้อโควิด 15 คน และมีผู้เสียชีวิต 2 คน บางส่วนเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล สนามแล้ว แต่ยังมีผู้สูงอายุรักษาตัวอยู่ภายในสถานประกอบการแห่งนี้อีก 10 คน เป็นผู้ป่วย ติดเชื้อทั้งหมด มีผู้ดูแลผู้ป่วย 4 คน ติดเชื้อแล้ว 2 คน ส่วนอีก 2 คน ยังไม่ติดเชื้อ
ป่วยโควิด – อาสากู้ภัยช่วยเหลือหญิงวัย 65 ปี น้ำหนัก 230 ก.ก. ป่วยโควิดรอเตียงอยู่บ้านพักแขวงทางหลวงกรุงเทพฯ เขตดอนเมือง นำส่งร.พ. ขณะที่ลูกสาวและหลานที่อยู่ด้วยกันติดเชื้อทั้งหมด เมื่อค่ำวันที่ 18 ส.ค.
ระเบิดความมันของสุดย…
สนามมวยลุมพินี ประกา…
This website uses cookies.