โบ๊ทชี้มวยไทยวิกฤติถ้าภาครัฐไม่ช่วยรออวสาน

“เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์มวยค่ายเพชรยินดี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวกีฬาเดลินิวส์ว่า การปิด 2 สนามมวยภูธรของกองทัพบก ได้แก่ สนามมวยค่ายอดิศร จ.สระบุรี และสนามมวยค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นการปิดตำนาน 2 สนามมวยภูธรดังของเมืองไทย เท่ากับเป็นการตัดวงจรการสร้างนักมวยจากภาคอีสานอย่างสิ้นเชิง 2 เวทีนี้สำคัญมาก ยุบไปทำให้ค่ายมวยภูธรไม่มีเวทีให้นักมวยชก ต้องไปหาเวทีล้อมผ้าชกจากโปรโมเตอร์เล็ก ๆ ซึ่งก็จัดกันลำบาก ในสถานการณ์แบบนี้ หาคนจัดยาก แทบไม่มีจัดกันแล้ว จะทำให้ค่ายมวยภูธรต้องยุบต้องเลิกไปเป็นร้อย ๆ ค่ายแน่นอน เพราะแบกภาระไม่ไหว การสร้างนักมวยดี ๆ จากภูธรมาประดับวงการก็จบไป

นอกจากนั้น “เสี่ยโบ๊ท” ชี้ว่า สำหรับสนามมวยเวทีลุมพินี สนามมวยมาตรฐาน 1 ใน 2 ของประเทศไทย ที่กำลังจะถูกแปรสภาพเป็นอย่างอื่นสำหรับกองทัพ แต่จะไม่ให้จัดการแข่งขันมวยอีกต่อไป ก็เช่นเดียวกัน ค่ายมวยดี ๆ ไม่มีเวทีมาตรฐานให้นักมวยชก ก็จะสู้ต่อไม่ไหว แบกภาระไม่ไหว ต้องยุบค่ายกันแน่ ตอนนี้ก็ทยอยยุบกันไปแล้ว นักมวยไทยเลิกอาชีพชกมวยไปแล้วเป็นจำนวนมาก ขนาดค่ายมวยใหญ่ ๆ อย่างเพชรยินดี มีนักมวยประมาณ 50 คน ในภาวะที่มีโปรแกรมชก รายจ่ายตกเดือนละ 4-5 แสนบาท สำหรับดูแลนักมวย ผู้ปกครองนักมวย ช่วงหลังยังขาดทุนทุกเดือน แล้วค่ายมวยเล็ก ๆ จะอยู่ไหวได้อย่างไร เรื่องการให้ภาคเอกชนเข้ามาเทคโอเวอร์ ในตอนนี้ยังเป็นไปได้ยาก เพราะกองทัพบกมีนโยบายไม่ให้กองทัพบกเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพนัน ประกอบกับการจัดมวยยุคนี้ก็ขาดทุนกันมาก อีกเวทีมาตรฐานเมืองไทยคือ สนามมวยเวทีราชดำเนิน ที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนก็น่าเป็นห่วงว่าจะต้องล้มอีกไม่นาน

 

“เสี่ยโบ๊ท” กล่าวต่อว่า ตอนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของกีฬามวยไทยอย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่ภาครัฐบาลต้องเข้ามาช่วย มาพยุงให้ กีฬาประจำชาติ ที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยในสายตาชาวโลก ศิลปะการต่อสู้ที่กอบกู้เอกราชชาวสยาม สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอยู่ต่อไปได้ เพราะกำลังจะใกล้ถึงลมหายใจสุดท้ายและจุดอวสานอีกไม่นานเกินรอ จากที่ค่ายมวยต่าง ๆ ยุบค่าย ไม่มีการสร้างนักมวยไทยขึ้นมา ศิลปะมวยไท ก็จะค่อย ๆ สูญหายไป ถ้าไม่ช่วย มวยไทยตายแน่นอน.